ทำไม “จีน” ยิ้มรับเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของ "เทสลา"
เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ (Self-driving car/Autonomous car) เป็นหนึ่งในการพัฒนาให้รถยนต์ควบคุมตัวเองอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อลดภาระผู้ขับขี่ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางถนนโดยรวม ซึ่งทางรอยเตอร์ส (Reuters) สื่อต่างประเทศชื่อดัง วิเคราะห์ว่าการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวในจีนยังคงมีอุปสรรค จึงเป็นสาเหตุให้รัฐบาลมีท่าทีในเชิงบวก เมื่ออีลอน มัสก์ (Elon Musk) เดินทางไปเข้าพบหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับคืออะไร
เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ เป็นความสามารถในการควบคุมรถด้วยตัวระบบเองโดยไม่พึ่งพาการบังคับและการตัดสินใจของมนุษย์ โดยสมาพันธ์วิศวกรรมอัตโนมัตินานาชาติ (SAE International) ได้แบ่งระดับของระบบรถยนต์ไร้คนขับออกเป็น 6 ระดับ (Level) ได้แก่
- 1. Level 0 หรือระดับที่ไม่มีระบบช่วยเหลือใด ๆ
- 2. Level 1 ระดับที่มีเซนเซอร์เข้ามาช่วยควบคุมรถ แต่ยังคงเป็นเพียงตัวช่วยที่คนขับต้องบังคับด้วยตัวเองทั้งหมด
- 3. Level 2 ระดับที่เซนเซอร์สามารถควบคุมทิศทางและความเร็วรถได้เอง โดยมีผู้ขับคอยควบคุมและสังเกต
- 4. Level 3 ระดับที่เพิ่มความสามารถในการสังเกตสถานการณ์ (Monitoring) ประกอบการควบคุมทิศทางและความเร็ว
- 5. Level 4 ในระดับนี้จะเพิ่มความสามารถในการสังเกตการตอบสนองของผู้ขับขี่ และสามารถพารถหยุดได้อย่างปลอดภัย สามารถใช้งานได้ทั้งบนทางด่วนที่จำกัดปัจจัยแวดล้อม และในเมืองบางส่วนได้แล้ว
- 6. Level 5 หรืออีกชื่อว่า Full Automation เป็นระดับที่สามารถทำได้ทุกอย่าง และตัดสินใจได้เองบนทุกสภาพถนนหรือพื้นที่ใช้งาน
จีนกับเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของเทสลา
ในขณะที่ระบบไร้คนขับของเทสลานั้นมีชื่อทางการตลาดว่า Full Self-Driving (FSD) ซึ่งแม้ว่าจะเหมือนการสื่อว่ารถสามารถควบคุมตัวเองได้ทั้งหมด แต่ในปัจจุบัน หลายฝ่ายมองว่า FSD ยังอยู่ใน Level 2 ตามเกณฑ์ของ SAE International เท่านั้น โดย FSD จะสามารถจอดรถ เปลี่ยนเลนรถ ควบคุมความเร็ว และอ่านสัญญาณไฟจราจรได้ แต่ภายใต้การสังเกตของผู้ขับขี่
แต่ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า FSD ได้แสดงศักยภาพการควบคุมรถด้วยระบบสั่งการผ่านเซนเซอร์ต่าง ๆ หลายพื้นที่ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การใช้งานระบบ FSD ในจีนยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากระบบไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลการจราจรและข้อมูลตัวรถได้ ตามนโยบายการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลของรัฐบาลจีนเอง เนื่องจากเทสลาจะส่งข้อมูลกลับศูนย์ข้อมูลในสหรัฐอเมริกา เพื่อฝึกอัลกอริทึมสำหรับเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ
รัฐบาลจีนตัดสินใจผ่อนคลายข้อจำกัดเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยอนุญาตให้บริษัทข้ามชาติสามารถส่งข้อมูลข้ามประเทศออกจากฝั่งจีนได้ พร้อมเตรียมอนุญาตให้เทสลาทำการจำหน่ายรถยนต์ EV ในรุ่น Model 3 และ Model Y ที่มาพร้อม FSD เต็มรูปแบบ เนื่องจากเป็นรุ่นที่พบว่าสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยข้อมูลของจีน หลังจากตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป เทสลาได้จัดเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ที่จีนแทน ตามที่หน่วยงานกำกับดูแลของจีนกำหนด และไม่ได้ถ่ายโอนข้อมูลใดๆ กลับไปยังสหรัฐฯ ตามการรายงานของรอยเตอร์ส
การเปิดตัว FSD มีความหมายต่อประเทศจีนอย่างไร
การต้อนรับอีลอน มัสก์ อย่างอบอุ่นและการอนุมัติ FSD เกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังต่อสู้กับความเชื่อมั่นในการลงทุนจากต่างประเทศที่มีต่อจีน โดยธุรกิจในต่างประเทศส่วนใหญ่มองว่า จีนมีความเข้มงวดด้านกฎระเบียบในด้านต่างๆ เช่น ข้อมูล ทำให้พวกเขาสับสนและกังวล
นี่จึงเป็นการส่งสัญญาณ ว่าจีนต้องการปรับปรุงสถานการณ์ โดยเมื่อเดือนที่แล้วทางการจีนได้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและควบคุมการไหลเวียนของข้อมูลข้ามพรมแดน และอนุญาตให้เขตนำร่องการค้าเสรีกำหนดรายการข้อมูลที่จำเป็นต้องได้รับการประเมินด้านความปลอดภัยได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนเองก็ต้องการให้เทสลาเข้ามาเสริมแรงกระตุ้นผู้พัฒนารถยนต์ EV ในประเทศ ให้เสริมความสามารถระบบรถยนต์ไร้คนขับให้ดีขึ้นในราคาที่ถูกลงด้วย เช่น เสี่ยวเผิง (Xpeng) และหัวเว่ย (Huawei) ที่เตรียมเปิดตัวระบบเทคโนโลยีที่คล้ายกับเทสลาในประเทศเร็ว ๆ นี้
ในขณะเดียวกัน เทสลาจะได้ประโยชน์จากการโฆษณาทางการตลาดในจีน ถึงระบบ FSD ที่เป็นหนึ่งในจุดเด่นของเทสลาได้อย่างเต็มที่มากขึ้น รวมถึงเป็นการกระตุ้นยอดขาย หลังจากที่ยอดการส่งมอบรถยนต์ของเทสลาลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเทสลาได้ขายรถยนต์ในจีนไปแล้วกว่า 1.7 ล้านคัน ตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำตลาดในจีนเมื่อทศวรรษที่ผ่านมา
ดังนั้น นี่จึงอาจเป็นสาเหตุที่มีภาพการพบปะแบบชื่นมื่นระหว่าง Elon Musk กับนายกรัฐมนตรีของจีน เพราะนอกจากเทสลาจะได้ประโยชน์จากการเยือนตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว จีนเองก็ต้องการสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อทุนต่างชาติด้วยเช่นกัน
ภาพจาก Elon Musk Via X