ผงะบ้านไม่ตรงปก คู่รักรีบซื้อ เจองานช้าง เหมือนฟื้นซากตึกถล่ม
ผงะบ้านไม่ตรงปก - บีบีซี รายงานเรื่องราวของคู่รัก หวังจะซื้อแฟลตในเมืองกลาสโกว์ ของสกอตแลนด์ หวังย้ายมาสร้างวิมานที่นี่ แต่ลงเอยได้บ้านไม่ตรงปก ไม่เพียงเป็นอาคารร้างทรุดโทรม ยังห่างไกลจากตัวเมือง 56 กิโลเมตร
แคล ฮันเตอร์ อายุ 28 ปี จากเมืองฮัลล์ของอังกฤษ และแคลร์ เซเกเรน แฟนสาวอายุ 26 ปี จากแคนาดา ตั้งใจจะใช้ชีวิตใหม่ด้วยกันในสกอตแลนด์ หลังจากพบกันครั้งแรกขณะไปเล่นสกีบนเทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส จากนั้น แบกเป้ท่องเที่ยวเดินทางด้วยกันทั่วยุโรปและแคนาดา ก่อนตัดสินใจว่าจะลงหลักปักฐานที่ “เมืองที่มีชีวิตชีวาแห่งกลาสโกว์”
ช่วงที่ฝ่ายหญิงกลับบ้านเกิดในแคนาดา หนุ่มฮันเตอร์เริ่มหาทางประมูลซื้อแฟลตในเกลาสโกว์ แต่การสื่อสาร กับผู้ประมูลที่พูดสำเนียงชาวสกอตไม่สะดวกนัก อาศัยดูรูปจากแผ่นพับการประมูล ซึ่งนึกชอบใจบ้านหลังหนึ่ง จึงยกมือขึ้นประมูลหลังที่ไม่มีคนอื่นร่วมประมูล
จากนั้นชายหนุ่มโทรศัพท์ปรึกษากับแฟนสาวอย่างตื่นเต้นว่าไปเจอบ้านที่ไม่มีใครแข่งซื้อ อยากให้เดินหน้าประมูลหรือไม่ แต่โชคร้ายที่แบตเตอรีโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มใกล้หมด ยังไม่ทันคุยให้รู้รายละเอียด ก็รีบตัดสินใจด่วน ตกลงซื้อบ้านในราคา 30,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1,335,000 บาท
สาวเซเกเรนกล่าวว่าตอนนั้นตื่นเต้นมากเพราะคิดว่าบ้านหลังนี้ต้องเป็นของพวกตนและเป็นโอกาสเดียวที่จะมีบ้าน แต่แล้วพอไปเจอของจริงก็ถึงกับตกตะลึง ผงะบ้านไม่ตรงปก
ด้านชายหนุ่มบอกว่าบ้านผิดไปจากที่คิดไว้มาก ทั้งยังอยู่ไกลจากตัวเมืองดูนูน การคมนาคมไม่สะดวก ถ้านั่งเรือจากกลาสโกว์จะต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึง
ส่วนสภาพบ้าน เหมือนซากอาคารสมัยวิกตอเรีย และทั้งสองเพิ่งรู้ว่า ซื้อบ้านไปได้แค่ 1 ใน 4 ของทั้งหลังเท่านั้น
หนุ่มฮันเตอร์กล่าวว่าบ้านผุพังทั้งหลังและคงถูกทิ้งร้างประมาณ 20-30 ปี ซึ่งตนเชื่อว่าภาพประกอบการประมูลน่าจะเป็นเพียงมุมดียวที่ถ่ายไว้หลายปีแล้ว แต่ตอนนี้ หลังคาพังลงมา กำแพงด้านหนึ่งเอนจนเกือบล้มและไม้ผุพังทั้งหมด
ส่วนแฟนสาวเอาบ้านไปโยงกับ “เกมตึกถล่ม” เพราะบ้านก่อด้วยหินจำนวนมากมาย และเผยว่า พ่อตนเองเห็นบ้านแล้วถึงกับเงียบไป 2 วัน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาคู่รักตั้งใจว่าจะซ่อมแซมบ้านโบราณ 120 ปีที่มีชื่อว่า “เจมส์วูด” ให้อยู่อาศัยให้ได้ งานช้างที่รออยู่ คือ การซ่อมแซมบ้านทั้งหลัง
หนุ่มสาวค้นหาจนเจ้าของอาคารอีก 3 ส่วนที่เหลือ เพื่อขอซื้อทั้งหลังมาซ่อมแซมให้กลับคืนมาในสภาพเดิม ปรากฏว่าเจ้าของคนหนึ่งใน 3 รายนี้ยอมไม่รับเงิน เมื่อเห็นสภาพบ้านแล้ว
จากนั้นทั้งคู่ย้ายไปอาศัยในรถบ้านคันเล็กซึ่งจอดในสวนและเริ่มซ่อมบ้านทีละเล็กทีละน้อย พ่อฝ่ายชายสอนให้ทาสี จนฮันเตอร์รู้สึกว่าตัวเองเป็น “เด็กฝึกงานและคนงาน” ส่วนหญิงสาวได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนฝูงและชาวบ้านที่เต็มใจมาช่วยซ่อมบ้านอย่างได้อย่างเหลือเชื่อ
บ้านหลังนี้ทรุดโทรมมานานและชาวเมืองดูนูนหลายคนมีความสุขที่เห็นบ้านมีชีวิตอีกครั้ง ด้วยความที่บ้านตั้งอยู่บนถนนหลัก ทุกคนจึงเห็นซากปรักหักพังและหายไป
หลังจากสองปีผ่านมานับจากซื้อบ้าน ทั้งสองยังไม่ได้ย้ายเข้าไปอยู่ข้างในเสียที สาวเซเกเรนกล่าวว่าโครงการซ่อมบ้านเป็นการ “เสริมสร้างกำลังใจ” จากการที่เพื่อนๆ ร่วมแรงร่วมใจช่วยงานซ่อมบ้านและยังสานสัมพันธ์กับผู้คนอีกมากมาย
เพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมและเป็นแรงงานอาสาต้องนอนในเต็นท์ท่ามกลางสถานที่ก่อสร้างสกปรกและมานั่งล้อมวงรอบกองไฟกันอย่างสนุกสนานสร้างประสบการณ์แสนประทับใจ