อีสท์สปริงชอบหุ้นสหรัฐ-จีน คัด3กองทุนรับสัญญาณบวก
![อีสท์สปริงชอบหุ้นสหรัฐ-จีน คัด3กองทุนรับสัญญาณบวก](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/08/18/15980f10-e133-11ea-8e82-0b494f6be91c_original.jpg)
![อีสท์สปริงชอบหุ้นสหรัฐ-จีน คัด3กองทุนรับสัญญาณบวก](https://cms.dmpcdn.com/news/2024/05/21/83a4e8a0-1750-11ef-8418-3fe2a728268f_original.jpeg)
#บลจ.อีสท์สปริง #ทันหุ้น บลจ.อีสท์สปริง เปิดโผ 3กองทุนแนะนำเก็บเข้าพอร์ตเดือนพ.ค.67 โดยยังให้น้ำหนักหุ้น ตปท. ตลาดสหรัฐ หลังเศรษฐกิจแข็งแกร่ง มีโอกาสเป็นซอฟต์แลนดิ้งมากกว่าถดถอย กำไจบจ.ออกมาดีเกินคาด ขณะที่จีนน่าสนใจ ไม่เพียงรัฐออกมาตรการกระตุ้น หากราคายังถูก แนะ 3 กองทุน TMBGQG,TMBUSBLUECHIP และTMBCOF
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนในเดือนพฤษภาคม 2567 โดยยังคงมองบวกในตลาดหุ้นสหรัฐที่เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นยังออกมาดีกว่าคาด ขณะเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณบวกเช่นกันในสตลาดหุ้นจีน แถมValuation อยู่ในระดับน่าสนใจ โดย Forward P/E อยู่ที่ 8.5 เท่า
ทั้งนี้ บลจ.อีสท์สปริง แนะนำกองทุนเด่นประจำ เดือนพฤษภาคม (Fund of the Month) ที่ควรมีไว้ในพอร์ตลงทุนจำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดทหารไทย Global Quality Growth (TMBGQG) กองทุนเปิดทหารไทย US Blue Chip Equity (TMBUSBLUECHIP) ที่กองทุนหลักลงทุนในหุ้นชั้นดีในตลาดหุ้นสหรัฐ และกองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity (TMBCOF) ที่กองทุนหลักลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ในหุ้นที่มีธุรกิจหลักอยู่ในจีน
*ลุยหุ้นเติบโต-วัฏจักร
กองทุนเปิดทหารไทย Global Quality Growth (TMBGQG) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว (Master Fund) คือกองทุน Wellington Global Quality Growth Fund ในหน่วยลงทุนชนิด USD Class S Accumulating Unhedged โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ซึ่งบริหารจัดการโดย Wellington Management Company
โดยมองว่ากองทุนหลักเป็นกองทุนที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์การลงทุนขณะนี้ เนื่องจากมีการวิเคราะห์แบบผสมผสานทั้งแนวโน้มภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ เพื่อคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพดี ซึ่งผสมผสานหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งกลุ่มเติบโตและวัฏจักร โดยพอร์ตการลงทุนล่าสุดเน้นไปยังกลุ่มเทคโนโลยี 18.5% กลุ่มการเงิน 17.9% กลุ่มสุขภาพ 15.7% และกลุ่มอุตสาหกรรม 15.3% (ที่มา: Wellington ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567)
นอกจากนี้ บริษัทที่กองทุนหลักไปลงทุนประมาณ 70% ของพอร์ตมีการประกาศงบ ไตรมาส 1/2567 แล้วมีผลกำไรและยอดขายดีกว่าคาดการณ์ (ที่มา: บลูมเบิร์ก วันที่ 7พฤษภาคม 2567)
*เก็บหุ้นชั้นดีสหรัฐ
สำหรับกองทุนเปิดทหารไทย US Blue Chip Equity (TMBUSBLUECHIP) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก T. Rowe Price Funds SICAV-US Blue Chip Equity Fund Class I โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV ซึ่งกองทุนหลักลงทุนในหุ้นชั้นดีของบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา บริหารจัดการโดย T. Rowe Price International Ltd
โดยเศรษฐกิจสหรัฐ เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและมีโอกาสซอฟต์แลนดิ้ง (soft landing) สูง ขณะที่กำไรของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐไตรมาส 1/2567 ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังเติบโตแข่งแกร่งจาก เทรนด์ AI และมีกำไรเติบโตถึง 13.36% กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 39.38% และกลุ่มสื่อสาร 42.58% ขณะที่ตลาดรับข่าวการลดดอกเบี้ยช้าและน้อยกว่าคาดของเฟดไปหมดแล้ว ทำให้ Downside เรื่องการลดดอกเบี้ยจำกัด
นอกจากนี้ Valuation ของ S&P500 ปรับตัวลงมาระดับใกล้เคียงอีกครั้งหลัง EPS มีการปรับประมาณการณ์ขึ้นต่อเนื่อง โดย Forward P/E ลงมาจากระดับ 24 เท่า ลงมาอยู่ที่ 21เท่า คาดการณ์การเติบโตของกำไรของดัชนี S&P500 ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 9.52% และปี 2568 คาดว่าจะเติบโตอีก 12.86% (ที่มา:บลูมเบิร์ก วันที่ 7 พฤษภาคม 2567)
*หุ้นจีนถูก-รัฐกระตุ้นศก.
สุดท้าย กองทุนเปิดทหารไทย China Opportunity (TMBCOF) เน้นในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว(Master Fund) คือกองทุน UBS (Lux) Equity Fund - China Opportunity (USD) Class I-A1-acc โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของ NAV บริหารจัดการโดยUBS Asset Management (Hong Kong)
โดยบลจ.อีสท์สปริงมองว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในเดือนที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องตั้งแต่นโยบายการเงิน การคลัง รวมถึงการเข้าพยุงตลาดหุ้น ขณะที่ Sentiment นักลงทุนฟื้นตัวต่อเนื่องส่งผลให้มี fund flow ไหลเข้าตลาดหุ้นโดยเฉพาะตลาด H-Shares ซึ่งระดับ Valuation ยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดย Forward P/E อยู่ที่ 8.5 เท่า
นอกจากนี้รัฐบาลตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 5% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ทำให้เราคาดว่ารัฐบาลอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกในระยะถัดไป (ที่มา:บลูมเบิร์ก วันที่ 7 พฤษภาคม 2567)