นี่มันเทศกาล 9.9 Mega Sale นะ! สังเกตตัวเอง เราเป็น “Shopaholic” เสพติดการช้อปปิ้ง หรือเปล่า?
เทศกาลช้อปปิ้ง 9.9 กลับมาอีกครั้งไม่ให้อดใจซื้อของยังไงไหว บางทีก็เผลอซื้อมากเกินไปจนไม่ได้คำนึงถึงเงินในกระเป๋า เชื่อว่าพฤติกรรมแบบนี้ใครๆ ก็เคยเป็นกับการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนลืมว่าจะไม่มีเงินกินข้าวก่อน แต่บางครั้งการชอบช้อปมันก็เป็นเส้นบางๆกั้น ระหว่างความสุขในการซื้อของ กับเรากำลังป่วยเป็น “Shopaholic” โรคเสพติดการช้อปปิ้ง
“Shopaholic” คือ อะไร?
Shopaholic เป็นโรคทางจิตหรือคำเรียกบุคคลที่มีอาการเสพติดการซื้อโดยไม่คำนึงถึงสถานะทางการเงินของตนเอง อยากซื้อของตลอดเวลา มีความรู้สึกดีที่ได้เดินดูของ รู้สึกดีเมื่อได้เปรียบเทียบราคา และรู้สึกดีเมื่อได้ซื้อของ แต่ก็จะรู้สึกดีได้แค่ช่วงเวลาเดียว และจะรู้สึกผิดหลังจากที่ซื้อมาแล้ว เพราะคนที่เป็นโรคนี้มักจับจ่ายเกินความจำเป็นกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว จนทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา เช่น มีหนี้สิน ทะเลาะกับคนในครอบครัว มีพฤติกรรมหลบ ๆ ซ่อน ๆ โกหกเกี่ยวกับราคาสินค้าที่ซื้อมา หรือหลอกว่าไม่ได้ซื้อ เป็นต้น ซึ่งผู้หญิงมักเสี่ยงต่อพฤติกรรมดังกล่าวได้มากกว่า แต่ผู้ชายก็สามารถเป็นได้เช่นกัน
ทำไมถึงเป็น “Shopaholic”
อาจมีสาเหตุมาจากตัวบุคคล เช่น มีภาวะซึมเศร้า ไม่รู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง หรือมีภาวะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มีความวิตกกังวล เป็นคนสมาธิสั้น เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีแรงกระตุ้นจากสื่อภายนอก เช่น โฆษณาขายของออนไลน์ ช่องทางการซื้อที่สะดวกสบาย กระตุ้นให้คนตกอยู่ในภาวะเสพติดช้อปปิ้งได้ง่ายขึ้น
เช็กอาการเราเป็น “Shopaholic” หรือยัง
• อยากซื้อของตลอดเวลา
• ซื้อของเกินความจำเป็น
• ชอบไปช้อปปิ้งเพื่อคลายเครียด
• มีความรู้สึกดี ตื่นเต้น เคลิบเคลิ้ม เมื่อได้ซื้อของ โดยมักจะรู้สึกดีได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ
• รู้สึกผิดหลังจากที่ซื้อมาแล้ว
• ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้
• ซื้อซ้ำๆ ทั้งที่มีอยู่แล้วหลายชิ้น
• ต้องหลบซ่อนหรือโกหกปกปิดเวลาซื้อของนั้นๆ
• มีปัญหาด้านอื่นๆ เกิดขึ้นตามมา เช่น เกิดปัญหาหนี้สิน ปัญหาความสัมพันธ์ เป็นต้น
• ใช้บัตรเครดิตเต็มวงเงิน หรือเปิดบัตรใบใหม่แต่ยังไม่ได้ชำระหนี้ของบัตรใบเก่า
• ไม่สามารถจัดการการเงินของตนเองหรือไม่สามารถชำระหนี้สินจากการช้อปปิ้งได้
• ไม่สามารถยับยั้งพฤติกรรมการช้อปปิ้งของตนเองได้
ไม่อยากเป็น “Shopaholic” แล้ว ต้องทำยังไง
1. มีสติ รู้เท่าทันภาวะอารมณ์ตัวเอง และแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด เช่น บางคนซื้อของเพื่อบรรเทาความเครียด หรือบรรเทาความเศร้า ก็ควรหาวิธีจัดการความเครียดวิธีอื่นที่เหมาะสม
2. ไตร่ตรองก่อนซื้อ ว่าสิ่งของนั้นมีความจำเป็นจริงๆ หรือไม่ ไม่หุนหันพลันแล่นซื้อทันทีทันใด ให้เวลาตัวเองตัดสินใจและจัดการกับความอยากซื้อของก่อน
3. จำกัดสิ่งกระตุ้นความอยากซื้อของ เช่น ลบแอปพลิเคชันช้อปปิ้งออนไลน์ ไม่ต้องกดติดตามร้านขายของออนไลน์ ไม่พกบัตรเครดิต เพื่อทำให้การจับจ่ายซื้อของยากขึ้น
นอกจากนั้นครอบครัวหรือคนใกล้ชิด ก็มีส่วนช่วยได้ด้วยการเล่าปัญหาการซื้อของเกินความจำเป็นให้คนใกล้ชิดรับรู้ เช่น ไม่ไปช้อปปิ้งคนเดียว ขอให้คนใกล้ชิดช่วยตักเตือน ช่วยห้ามเวลาซื้อของ หรือช่วยวางแผนการใช้จ่าย
เสพติดการซื้อของแค่ไหน ต้องไปหาหมอ?
หากลองปรับตามวิธียับยั้งชั่งใจข้างต้นแล้ว แต่ยังรู้สึกว่าควบคุมอาการช้อปปิ้งไม่ได้ หรืออาการช้อปปิ้งนั้นมีผลกระทบกับชีวิตประจำวัน กระทบความสัมพันธ์ หรือส่งผลต่ออารมณ์ ก็มาพบจิตแพทย์ได้
ข้อมูลจาก โรงพยาบาลมนารมย์ , pobpad , คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง