ARROW บาทแข็งต้นทุนลด ล็อกเป้าโครงการใหญ่ AOT

#ARROW #ทันหุ้น – ARROW โดดรับบาทแข็งต้นทุนวัตถุดิบลดต่อเนื่อง หนุนมาร์จิ้นปีนี้แตะ 2 ดิจิต เร่งตุนสต๊อกล็อกต้นทุนยาวถึงปี 2569 โชว์แบ็กล็อกแน่น 700 ล้านบาท ลุ้นโครงการรถไฟฟ้า–สนามบิน AOT เดินหน้า
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า สัญญาณผลงานปี 2568 ยังสดใส กำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) เพิ่มขึ้น หลังเงินบาทแข็งช่วยลดต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ โดยเฉพาะสินค้าเหล็กและอุปกรณ์ประกอบหลัก ขณะที่ราคาวัตถุดิบยังทรงตัวในระดับต่ำ หนุนอัตรากำไรขั้นต้นขยายตัวต่อเนื่อง คาดยืนยาวถึงปี 2569 พร้อมเดินหน้าตุนสต๊อกวัตถุดิบรองรับดีมานด์จากงานในมือและงานใหม่ที่เตรียมเข้าสู่การประมูล
** แบ็กล็อก 700 ล้าน
ปัจจุบัน ARROW มียอดงานในมือ (Backlog) ราว 700 ล้านบาท ช่วยสร้างความมั่นใจต่อรายได้ในระยะสั้นถึงกลาง แม้งานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐหลายโครงการในปี 2568 ยังชะลอตัวจากด้านงบประมาณและการเร่งรัดขั้นตอน แต่บริษัทมีมุมมองบวกต่อโครงการขนาดใหญ่ที่จะเข้าสู่การประมูล เช่น รถไฟฟ้า อู่ตะเภา และสนามบินพาณิชย์ในเครือ AOT รวมถึงงานสาธารณูปโภคอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบขนส่งขนาดใหญ่
ทั้งนี้ หากโครงการระบบรางและสนามบินหลายแห่งเดินหน้าได้ตามกรอบเวลาในปี 2569 จะหนุนความต้องการสินค้าและงานติดตั้งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ตลาดอสังหามีโอกาสฟื้นตัวตามโครงการคมนาคมของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมาคึกคักอีกครั้งในช่วง 1–2 ปีข้างหน้า และส่งผลเชิงบวกต่อเนื่องต่อธุรกิจของบริษัท
สำหรับแผนขยายตลาดต่างประเทศ ARROW เตรียมเดินหน้าโครงการ “Free Trade Zone” บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ คาดเริ่มทยอยดำเนินการปี 2569 ใช้เป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก โดยได้รับสิทธิยกเว้นภาษีนำเข้า–ส่งออก ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ
** เคาะเป้า 8.10 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุถึง บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW ว่า ARROW รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ดีกว่าคาด 14.6% โดย ARROW มีรายได้จากการขายและบริการงวดไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 311.2 ล้านบาท เติบโต +12.2% เมื่อเทียกับไตรมาสก่อนหน้า จากการรับรู้คำสั่งซื้อที่เลื่อนมาจากไตรมาสก่อนบางส่วน แต่ยังหดตัว -12.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน สืบเนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวลงแรงราว 10–15% ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำ ส่งผลต่อรายได้และกำลังซื้อประชาชนลดลง
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29.9% ดีขึ้นเล็กน้อยจาก 29.8% ในไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นจาก 27.8% ในไตรมาส 3/2567 จากการที่บริษัทเร่งเก็บสต๊อกเหล็กในช่วงเงินบาทแข็งค่า ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลง ขณะที่ SG&A ต่อรายได้อยู่ในระดับเฉลี่ย 12.0–12.5% และไม่มีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเหมือนไตรมาสก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ที่ 40.1 ล้านบาท (ดีกว่าประมาณการที่ 35 ล้านบาท) เติบโต +21.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง -10.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนจากฐานสูงปีก่อน
ขณะที่กลยุทธ์เก็บสต็อกเหล็กล่วงหน้าหนุนอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 25.5% และช่วยคงภาพการเติบโตปี 2569 จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 8.10 บาท อิง PER 13 เท่า และคาด EPS ราว 0.62 บาท ชี้ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ใกล้ 7–8% พร้อมผลตอบแทนเงินปันผลระดับ 7–8% ต่อปี
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
