ลูกสาวเจ้าของที่ ยันได้เอกสารสิทธิ์ถูกต้องก่อนขายให้ 'ศรีพันวา' ยินดีให้ตรวจสอบ
จากกรณีโซเชียลมีเดียบางส่วนเรียกร้องตรวจสอบที่ดินของโรงแรมศรีพันวา ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต หลังจากที่ผู้บริหารโรงแรมฯได้โพสต์ประณามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก จนเกิดกระแสแบนศรีพันวา จนคณะกรรมาธิการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงเตรียมเข้าตรวจสอบ เนื่องจากประชาชนกำลังให้ความสนใจ
ล่าสุด นางสาว ขวัญใจ คุ้มบ้าน อายุ 46 ปี บุตรสาวของ นายเสน คุ้มบ้าน ซึ่งเป็น 1 ในผู้ครอบครองที่ดินก่อนขายเปลี่ยนมือให้กับตระกูลอิสระ เพื่อสร้างโรงแรมศรีพันวาในปัจจุบัน เปิดเผยว่า ในอดีตที่ดินบริเวณแหลมพันวาเกือบทั้งหมดตั้งแต่ปลายแหลมซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรม ยาวมาจนถึงพื้นที่ของทัพเรือภาคที่ 3 เคยเป็นของต้นตระกูลคุ้มบ้านและญาติพี่น้อง ซึ่งที่ดินในส่วนของตน มีนายเสน คุ้มบ้าน พ่อของตน กับน้องชาย นายสัน คุ้มบ้านและพี่น้องครอบครองนั้นมีจำนวน 12 ไร่ อยู่บริเวณจุดที่ก่อสร้างอาคารหลังแรกโรงแรมในปัจจุบัน โดยมีโฉนดถูกต้องตามกฏหมายแน่นอน เพราะตนเองจำได้ว่าขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นป.4 อายุประมาณ 10 ขวบ (ประมาณปี 2527) ได้เป็นผู้อ่านข้อมูลทั้งหมดให้กับพ่อตอนที่ทำหนังสือสัญญาซื้อขาย เพราะพ่อของตนอ่านหนังสือไม่ออก แต่ได้ขายโดยตรงให้กับศรีพันวาหรือไม่นั้นตนเองไม่แน่ใจ ต่อมาเมื่อตนเรียนถึงชั้นป.6 (ประมาณปี 2529) อาคารหลังแรกของโรงแรมก็เริ่มสร้าง
โดย ที่ดินตรงนี้ตนเองจดจำได้ดี เพราะเคยเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพดและตะไคร้กับแม่ตอนเด็กๆ โดยจุดดังกล่าวมีทางเข้า 2 ด้าน คือด้านทางขึ้นไปโรงแรมเคปพันวาซึ่งเป็นเส้นทางเก่า และอีกเส้นทางหน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำซึ่งโรงแรมศรีพันวาได้มาซื้อเพิ่มจากอดีตผู้ใหญ่บ้าน (ปัจจุบันเป็นกำนัน) ซึ่งเป็นเครือญาติของตน
“วันนี้ที่ตนเองออกมาพูด เนื่องจากที่โซเชียลมีเดียได้มีการโพสต์โจมตีว่าที่ดินดังกล่าวอาจจะบุกรุกป่าไม้ฯ ซึ่งไม่เป็นความจริง ตนเองเป็นลูกหลานเจ้าของที่ดิน ถึงแม้จะขายไปแล้วแต่เราก็รัก และเคารพญาติพี่น้อง รวมถึงบรรพบุรุษของเรา ยืนยันว่าเราทำทุกอย่างตามกฎหมาย ส่วนโรงแรมศรีพันวานั้นแม้จะซื้อขายไปแล้วและไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว แต่ก็มีการพาดพิงซึ่งที่มาที่ดินซึ่งเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษของเราก็ต้องออกมาชี้แจง ทั้งนี้ยินดีให้ข้อมูลหากหน่วยงานไหนจะมาตรวจสอบ”
นางสาว ขวัญใจ คุ้มบ้าน กล่าวอีกว่า จากที่ตนทราบโรงแรมศรีพันวาฯมีพื้นที่ครอบครอง เนื้อที่รวม 52 ไร่ ซึ่งอดีตหากไล่เรียงพื้นที่ครอบครองจากทางเข้าไปถึงปลายแหลม เคยเป็นของ นายเสน คุ้มบ้าน(พ่อ) นายสัน คุ้มบ้าน(อา) ถัดไปเป็นของนายสนิท คุ้มบ้าน และคนอื่นอีกหลายราย ซึ่งอดีตพ่อแม่เล่าว่าที่ดินต้นตระกูลครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวเกือบทั้งอ่าว ก่อนได้แบ่งพื้นที่ยกให้สร้างหน่วยงานราชการหลายแห่งทั้ง ทัพเรือภาคที่ 3 และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.)พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฯ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลคุ้มบ้าน เพราะได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ
โดยพื้นที่โดยรวมของแหลมในอดีต ไม่ได้เป็นป่า มีการใช้ประโยชน์ ปลูกพืช เช่น ข้าวโพด ตะไคร้ สะตอ ผักต่างๆ บริเวณส่วนปลายแหลมที่เป็นจุดที่มีวิวสวยที่สุด มีบ้านเรือนของ โต๊ะอูเส็น กับโต๊ะอูหมาด ตั้งอยู่ ซึ่งลูกหลานทั้งสองก็ยังอาศัยอยู่ใกล้ๆโรงแรมในปัจจุบัน ซึ่งสามารถสอบถามความจริงได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตามจากที่โซเชียลตั้งคำถามนั้น ทำไมไม่คิดถึงหลักความเป็นจริงว่าถ้าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าหรือพื้นที่ของรัฐ หน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่คงฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งตนเองยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องมาตั้งแต่ช่วงที่ครอบครัวของตนเองครอบครอง