อัปเดต มือถือน่าใช้ งบประหยัด ต้อนรับน้องๆ เปิดเทอม
ใกล้เปิดเทอมแบบนี้ และยิ่งอยู่ในช่วงงาน Thailand Mobile Expo 2025 พ่อแม่ผู้ปกครองที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนราคาประหยัดให้กับลูกหลานใช้ติดต่อสื่อสาร แต่อยากได้อุปกรณ์ราคาสบายกระเป๋า วันนี้เรา TrueID รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว 15 โดยเน้นที่มีสเปคคุ้มค่า ราคาประหยัด ลองติดตามกันได้เลยครับ
Samsung Galaxy A07
Samsung Galaxy A07 สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่เน้นความคุ้มค่าและความทนทาน มาพร้อมสเปกที่น่าสนใจสำหรับการใช้งานพื้นฐานและเล่นเกมเบาๆ ด้วยจุดเด่นที่ ชิปเซ็ต MediaTek Helio G99 (2.2GHz) และหน้าจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว PLS LCD ที่มีอัตรารีเฟรช 90Hz ให้ภาพที่ลื่นไหลแม้มีความละเอียด HD+ (720 x 1600 พิกเซล) ส่วนกล้องหลังมีความละเอียดสูงถึง 50.0MP คู่กับกล้อง Depth 2.0MP และกล้องหน้า 8.0MP แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับการใช้งานตลอดวัน และมีฟีเจอร์เด่นคือการรับประกันการอัปเดต OS ได้ถึง 6 รุ่นและการอัปเดตความปลอดภัยที่ยาวนาน พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 ซึ่งหาได้ยากในระดับราคานี้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 2,999 บาท (สำหรับรุ่น 4GB/64GB) ทำให้ Galaxy A07 เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือใช้ได้นานในงบประมาณจำกัด
Samsung Galaxy A17 5G
Samsung Galaxy A17 5G
Samsung Galaxy A17 5G เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่อัปเกรดเพื่อมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลและครบครันยิ่งขึ้น ด้วยขุมพลังจากชิปเซ็ต Exynos 1330 ที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G พร้อมหน่วยความจำ RAM 8GB (สูงสุด 256GB ROM) หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และอัตรารีเฟรช 90Hz ให้ภาพคมชัดสดใส จุดเด่นและฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือระบบกล้องหลัง 3 ตัว โดยมีกล้องหลักความละเอียด 50MP ที่มาพร้อมระบบกันสั่น OIS (Optical Image Stabilization) ทำให้ถ่ายภาพและวิดีโอได้นิ่งและชัดเจนยิ่งขึ้นแม้ในที่แสงน้อย พร้อมแบตเตอรี่ 5,000mAh และการการันตีอัปเดต OS และความปลอดภัยที่ยาวนานถึง 6 ปี รวมถึงการรองรับฟีเจอร์ AI อย่าง Gemini Live โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยที่ 7,499 บาท (สำหรับรุ่น 8GB/128GB) ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่าสำหรับสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมฟีเจอร์ระดับพรีเมียมและความสามารถ 5G
vivo Y04
vivo Y04 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่เน้นความทนทานและแบตเตอรี่อึดเป็นพิเศษ ด้วยจุดเด่นที่ แบตเตอรี่ BlueVolt ความจุสูง 5,500mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน พร้อมรองรับการชาร์จไว 15W และมีคุณสมบัติความทนทานที่ได้รับการรับรองระดับ SGS 5 ดาว และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP64 นอกจากนี้ ยังมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.74 นิ้ว ความละเอียด HD+ ที่รองรับอัตรารีเฟรช 90Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล ทำงานด้วยชิปเซ็ต Unisoc T7225 (หรือ T612 ในบางข้อมูล) และมี RAM 4GB (พร้อมเทคโนโลยีขยาย RAM) กล้องหลังคู่ความละเอียด 13MP (หลัก) + 0.08MP (เลนส์เสริม) และกล้องหน้า 5MP โดยมีฟีเจอร์เด่นด้านความปลอดภัยในการชาร์จ (24-Dimension Security Protection) และดีไซน์ที่ทนทานต่อแรงกระแทกจากชีวิตประจำวัน ส่วนราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 2,999 บาท (สำหรับรุ่น 4GB/64GB) ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือราคาประหยัดที่เน้นการใช้งานแบตเตอรี่และมีความทนทานสูง
vivo Y21D
vivo Y21D เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ชูจุดเด่นด้านความทนทานและแบตเตอรี่ โดยเป็นรุ่นแรกใน Y Series ที่มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 และ IP69 พร้อมโครงสร้างกันกระแทกรอบด้าน และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,500mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 44W FlashCharge ซึ่งถือว่าจัดเต็มมากสำหรับสมาร์ทโฟนราคานี้ ในด้านสเปคมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.68 นิ้ว ความละเอียด HD+ ที่มีอัตรารีเฟรช 90Hz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Unisoc T7225 พร้อม RAM สูงสุด 6GB (และสามารถขยายเพิ่มได้อีก) และ ROM สูงสุด 256GB นอกจากนี้ยังมีกล้องหลังหลักความละเอียด 50MP และลำโพงคู่ที่สามารถเร่งเสียงได้สูงสุดถึง 400% มอบประสบการณ์ความบันเทิงที่น่าสนใจ โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยที่ 4,499 บาท (สำหรับรุ่น 4GB/128GB) ซึ่งเป็นราคาที่เข้าถึงได้กับฟีเจอร์ความทนทานและแบตเตอรี่ที่โดดเด่น
OPPO A5X
OPPO A5X เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่เน้นความทนทานและแบตเตอรี่ที่อึดเป็นจุดเด่นหลัก โดยมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,000mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 45W SUPERVOOC และยังถูกออกแบบมาให้แข็งแกร่งด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP65 และผ่านมาตรฐานการทดสอบความทนทานระดับทหาร (Military-grade Shock Resistance) ในด้านประสิทธิภาพมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด HD+ ที่มีอัตรารีเฟรช 90Hz และความสว่างสูงสุด 1,000 nits (HBM) ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 6s 4G Gen 1 มี RAM 4GB (พร้อมเทคโนโลยีขยาย RAM) และ ROM 128GB มีกล้องหลังความละเอียด 32MP และกล้องหน้า 5MP โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการรับประกันความลื่นไหลของระบบเป็นเวลา 48 เดือน (48-month Fluency Protection) ทำให้มั่นใจได้ถึงการใช้งานที่ราบรื่นในระยะยาว โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยที่ 3,999 บาท (สำหรับรุ่น 4GB/128GB) ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือที่แบตเตอรี่อึด ทนทาน และใช้งานได้ยาวนาน
OPPO A6 Pro 5G
OPPO A6 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่โดดเด่นด้านความแข็งแกร่งและสเปกที่จัดเต็มเพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล โดยชูจุดเด่นที่ความทนทานในระดับสูงสุดด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP69 (ทนทานต่อการฉีดน้ำแรงดันสูงและอุณหภูมิสูง) ควบคู่ไปกับมาตรฐานความทนทานเกรดทหาร (Military-grade) ในด้านประสิทธิภาพมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.57 นิ้ว ความละเอียด FHD+ พร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz ที่สว่างสดใสแม้กลางแดด และขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300 (รองรับ 5G) นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,500mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 80W SUPERVOOC ทำให้ชาร์จได้อย่างรวดเร็วและใช้งานได้ยาวนาน กล้องหลังหลักมีความละเอียด 50MP และกล้องหน้า 16MP พร้อมลำโพงคู่สเตอริโอที่เร่งเสียงได้สูงถึง 300% โดยมีรุ่นความจุให้เลือกหลากหลาย และมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยที่ 7,999 บาท (สำหรับรุ่น 6GB/128GB) ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมูทและทนทานในราคาที่เข้าถึงได้
Redmi A5
Redmi A5 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่เน้นความคุ้มค่าและมอบประสบการณ์หน้าจอที่เหนือกว่าในเรทราคานี้ โดยมีจุดเด่นหลักอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่ 6.88 นิ้ว ความละเอียด HD+ ที่มาพร้อมอัตรารีเฟรชสูงสุดถึง 120Hz แบบ AdaptiveSync ซึ่งถือเป็นฟีเจอร์ระดับสูงในมือถือราคาประหยัด พร้อมรองรับการแสดงผลที่สบายตาด้วยการรับรองจาก TÜV Rheinland ถึงสามใบ ในด้านประสิทธิภาพขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต UNISOC T7250 Octa-core และมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,200mAh ที่รองรับการชาร์จ 15W สามารถใช้งานได้ยาวนาน และมีฟีเจอร์กล้องคู่ AI ความละเอียด 32MP รวมถึงกล้องหน้า 8MP พร้อมไฟ Soft-light ring สำหรับการเซลฟี่ในที่แสงน้อย โดยมีระบบสแกนลายนิ้วมือด้านข้างและรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้าเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจ และมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยที่ 2,499 บาท (สำหรับรุ่น 3GB/64GB) ซึ่งถือเป็นราคาที่เข้าถึงง่ายเมื่อเทียบกับสเปกที่ได้รับ
Redmi 15
Redmi 15 (4G) เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่เน้นสเปกที่คุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้ โดยมีจุดเด่นหลักอยู่ที่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 7,000mAh ที่ทำให้ใช้งานได้ยาวนานถึง 2 วัน และยังรองรับการชาร์จเร็ว 33W พร้อมตัวเครื่องที่มาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP64 นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 6.9 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (ในบางแหล่งระบุ 144Hz) ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 685 (หรือ Snapdragon 6s Gen 3 สำหรับรุ่น 5G) พร้อมกล้องหลังคู่ AI ความละเอียด 50MP และทำงานบนระบบปฏิบัติการใหม่ Xiaomi HyperOS 2 บนพื้นฐาน Android 15 ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นมือถือที่เน้นจอใหญ่ แบตอึด และกล้องที่ดีในราคาย่อมเยา โดยมีรุ่น 4G (RAM 8GB/ROM 256GB) ราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 4,999 บาท (ตามราคาที่ปรากฏในผู้จัดจำหน่าย) และรุ่น 5G เริ่มต้นที่ 5,999 บาท
realme Note 70
realme Note 70 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่เน้นความทนทานและแบตเตอรี่ที่อึดเป็นพิเศษ โดยมีจุดเด่นคือแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 6,300mAh ที่ทางแบรนด์เคลมว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 2 วันเต็ม พร้อมรองรับการชาร์จ 15W ผ่านพอร์ต USB Type-C ตัวเครื่องมีความบางเพียง 7.94 มม. และมาพร้อมความทนทานในระดับสูงด้วยมาตรฐาน IP54 สำหรับกันน้ำและฝุ่น และการป้องกันตัวเครื่องแบบ ArmorShell™ Protection ที่ทนทานการตกได้ 1.8 เมตร ในด้านหน้าจอมาพร้อมจอ LCD ขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว ความละเอียด HD+ พร้อมอัตรารีเฟรช 90Hz และขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต UNISOC T7250 Octa-core พร้อม RAM 4GB/ROM 64GB ส่วนกล้องหลังมีความละเอียด 13MP และกล้องหน้า 5MP โดยมีฟีเจอร์เด่นด้านเสียงคือ 300% Ultra Volume และมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 2,999 บาท (สำหรับรุ่น 4GB/64GB)
HUAWEI nova Y73
HUAWEI nova Y73 เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้านแบตเตอรี่และความทนทาน โดยมีจุดเด่นหลักคือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,620mAh ซึ่งเคลมว่าสามารถใช้งานดูวิดีโอได้นานถึง 1.4 วัน พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI SuperCharge 40W ที่ช่วยให้การชาร์จกลับมาเต็มได้รวดเร็ว ตัวเครื่องมีความทนทานสูงในระดับ 5 ดาว จากการรับรองของ SGS และมีมาตรฐานกันละอองน้ำและฝุ่น IP64 ในด้านสเปกมาพร้อมหน้าจอ LCD ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด HD+ พร้อมอัตรารีเฟรช 90Hz ความสว่างสูงสุด 1,000 nits ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Kirin 710A พร้อม RAM 8GB และ ROM 256GB และมาพร้อมกล้องหลังความละเอียดสูง 50MP โดยใช้งานบนระบบปฏิบัติการ EMUI 12 ซึ่งมี AppGallery เป็นแหล่งรวมแอปพลิเคชันหลัก และมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 5,990 บาท (สำหรับรุ่น 8GB/256GB)
HONOR X6C
HONOR X6C เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ชูจุดเด่นด้านความคุ้มค่าและความทนทานในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเน้นฟีเจอร์ที่เกินราคา เช่น หน้าจอขนาดใหญ่ 6.61 นิ้ว ความละเอียด HD+ ที่มาพร้อมอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล พร้อมความสว่างสูงสุด 1010 nits จุดเด่นที่น่าสนใจคือแบตเตอรี่ความจุสูง 5,300mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานเกินวัน และยังรองรับการชาร์จเร็ว HONOR SuperCharge 35W นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 50MP และที่สำคัญคือการนำฟีเจอร์ AI เข้ามาใช้ในการประมวลผล เช่น HONOR AI Eraser รวมถึงตัวเครื่องที่เน้นความทนทาน ผ่านการรับรองสมรรถนะพรีเมียม SGS ด้านการทนทานต่อการตกกระแทก และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP64 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G81 Ultra และใช้ระบบปฏิบัติการ MagicOS 9 (บนพื้นฐาน Android 15) โดยมีรุ่นความจุ RAM 6GB / ROM 128GB ราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 3,999 บาท
HONOR X8C
HONOR X8C เป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมดีไซน์บางเบาด้วยความหนาเพียง 7.12 มม. และน้ำหนัก 174 กรัม แต่เน้นความทนทานสูงด้วยการรับรองสมรรถนะพรีเมียม SGS ด้านความทนทานต่อการตกกระแทก และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP64 จุดเด่นหลักคือหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2412x1080) ที่มีอัตรารีเฟรช 120Hz และรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ในด้านประสิทธิภาพขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 685 พร้อมหน่วยความจำขนาดใหญ่ที่โดดเด่นคือ RAM 16GB (รวม Virtual RAM) และ ROM 512GB กล้องถ่ายภาพจัดเต็มด้วยกล้องหลังหลักความละเอียดสูงถึง 108MP พร้อมระบบกันสั่น OIS และกล้องหน้าความละเอียด 50MP รวมถึงฟีเจอร์ AI ที่น่าสนใจอย่าง AI Eraser สำหรับลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพ และมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว HONOR SuperCharge 35W โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 7,999 บาท (สำหรับรุ่น 16GB/512GB)
Infinix Smart 10
Infinix Smart 10 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ให้สเปกโดดเด่นเกินราคา โดยมีจุดเด่นหลักคือหน้าจอขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด HD+ ที่มาพร้อมอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz และความสว่างสูงสุด 700 nits ทำให้การแสดงผลลื่นไหลและมองเห็นชัดเจนแม้ภายใต้แสงแดด มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ที่ใช้งานได้ยาวนาน และรองรับการชาร์จ 15W ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Unisoc T7250 Octa-core พร้อม RAM 3GB/ROM 64GB (สามารถขยาย RAM ได้สูงสุด 6GB) และรันบนระบบปฏิบัติการ XOS 15.1 บนพื้นฐาน Android 15 ตัวเครื่องมีความทนทานต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยมาตรฐานกันน้ำและฝุ่น IP64 รวมถึงมีระบบลำโพงคู่ 300% Ultra Volume เพื่อประสบการณ์ด้านเสียงที่ดีขึ้น และมีกล้องหน้าและกล้องหลังความละเอียด 8MP โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 2,299 บาท
Infinix Hot 60 Pro+
Infinix Hot 60 Pro+ เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้านดีไซน์และหน้าจอ โดยชูโรงว่าเป็นรุ่นที่มีความบางเฉียบที่สุดเพียง 5.95 มม. และมาพร้อมหน้าจอ AMOLED 3D Curve ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (1224 x 2720) ที่มีอัตรารีเฟรชสูงถึง 144Hz พร้อมความสว่างสูงสุด 4500 nits มอบประสบการณ์การแสดงผลระดับสูง ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G200 และหน่วยความจำขนาดใหญ่ RAM 8GB / ROM 256GB (รวม Virtual RAM สูงสุด 28GB) ในด้านกล้องใช้เซนเซอร์ SONY IMX882 50MP เป็นกล้องหลัก พร้อมฟีเจอร์ AI เช่น AI RAW Masterpiece Engine และ AI Eraser ส่วนแบตเตอรี่มีความจุ 5,160mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W และมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น ลำโพงคู่ Sound by JBL และมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP65 โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 6,499 บาท
Nubia Neo 3 5G
Nubia Neo 3 5G ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเกมมิ่งโฟนราคาประหยัดภายใต้คอนเซ็ปต์ "Born to Win" โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์แบบ Mecha Design ล้ำสมัย พร้อมไฟ RGB ที่ด้านหลัง และฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์โดยเฉพาะคือ Gaming Shoulder Triggers (ปุ่มทริกเกอร์ไหล่คู่) สำหรับควบคุมเกมอย่างแม่นยำ สเปกเครื่องมาพร้อมหน้าจอ IPS ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ที่มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz และขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตเกมมิ่ง Unisoc T8300 5G SoC ความเร็ว 2.2GHz, RAM 8GB (ขยายได้สูงสุด 20GB) และ ROM 256GB นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 6,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W พร้อมฟีเจอร์ Bypass Charging ที่ช่วยลดความร้อนขณะเล่นเกม รวมถึงระบบ AI Game Space 3.0 ที่ช่วยปรับแต่งเกมโดยอัตโนมัติ โดยมีราคาเริ่มต้นในประเทศไทยอยู่ที่ 6,999 บาท