ทรัมป์ยกย่องโจมตีอิหร่าน คือ "ชัยชนะของทุกคน"

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศว่า  นับเป็นชัยชนะของทุกคน ที่เกิดการหยุดยิงที่ยุติสงคราม 12  วันระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านลงได้ และการหยุดยิงยังคงดำเนินต่อไป ทรัมป์กล่าววานนี้ (25 มิถุนายน) ขณะอยู่ที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดนาโต

ทรัมป์ระบุว่า การที่เขาตัดสินใจเข้าร่วมกับอิสราเอลโจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์ในอิหร่าน ด้วยการทิ้งระเบิดขนาดยักษ์ "บังเกอร์ บัสเตอร์" นั้น คือสิ่งที่สามารถหยุดสงครามนี้ได้ แต่ทรัมป์ขอเรียกชัยชนะนี้ว่า เป็นชัยชนะของทุกคน

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (22  มิถุนายน) สหรัฐฯ ได้โจมตีทิ้งระเบิดโรงงานนิวเคลียร์ทั้ง 3 แห่งของอิหร่านคือ นาทานซ์ , เอสฟาฮาน และฟอร์โดว และทรัมป์อ้างว่า การโจมตีของสหรัฐฯ ดังกล่าว สามารถทำลายโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน "จนสิ้นซาก"

แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญยังคงกังขาว่า การโจมตีของสหรัฐฯ ดังกล่าว ได้ผลเพียงใดและสร้างความเสียหายต่อโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านอย่างหนัก ตามที่ทรัมป์กล่าวอ้างจริงหรือไม่

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (25  มิถุนายน) ทรัมป์ยังคงพยายามยืนยันว่า ที่ตั้งนิวเคลียร์อิหร่านทั้ง 3 แห่งถูกทำลาย "จนสิ้นซาก" จากการโจมตีของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ โดยทรัมป์อ้างการยืนยันของอิสราเอลมาช่วยสนับสนุน ว่า อิสราเอลเพิ่งยืนยันว่า ที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกทำลายจนสิ้นซาก ด้วยฝีมืออันยอดเยี่ยมของนักบินเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ของเราและทุกคนที่เกี่ยวข้อง

ก่อนหน้านี้ ทรัมป์เมินรายงานข่าวของซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24  มิถุนายน) ว่า ผลการประเมินเบื้องต้นด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ เอง ชี้ว่า การโจมตีของสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์นั้น หาได้ทำลายส่วนประกอบสำคัญของโครงการนิวเคลียร์อิหร่านแต่อย่างใด เพียงแต่ทำให้ถอยหลังไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น 

ซีเอ็นเอ็นระบุโดยอ้างผลการประเมินเบื้องต้นดังกล่าวต่อไปว่า ทั้งเครื่องหมุนเหวี่ยงเซ็นทริฟิวจ์ที่อิหร่านใช้ผลิตยูเรเนียมเข้มข้นสูง ไม่ได้ถูกทำลายลงทั้งหมด ส่วนคลังสะสมยูเรเนียมเข้มข้นของอิหร่านก็ไม่ได้ถูกทำลายลงเช่นกัน