รีเซต

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง KCG ลุยขายไอพีโอ 170 ล้านหุ้น เข้า SET

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง KCG ลุยขายไอพีโอ 170 ล้านหุ้น เข้า SET
ทันหุ้น
18 เมษายน 2566 ( 14:06 )
86

บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น หรือ KCG ผู้นำธุรกิจผลิตและนำเข้าเนย ชีส วัตถุดิบเบเกอรี่และอาหารตะวันตก พร้อมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชูจุดเด่นมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารกว่า64 ปี และเป็นผู้สร้างสรรค์ความรื่นรมย์ให้กับรสชาติผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพด้วยแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งเดินหน้าขับเคลื่อน4 กลยุทธ์หลักมุ่งก้าวสู่ผู้นำการผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์เนย ชีส และอาหารสำเร็จรูปชั้นนำจากทั่วโลก ล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบ Filing และอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนแล้ว

 

ดร.วาทิต ตมะวิโมกษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เคซีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)(“บริษัทฯ” หรือ “KCG”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภค ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เนยชีส บิสกิต และส่วนประกอบอาหารและเบเกอรี่ที่หลากหลาย อีกทั้ง บริษัทฯ ยังเป็นผู้นำเข้าเนย ชีส วัตถุดิบเบเกอรี่และอาหารตะวันตกจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารกว่า 64 ปี

 

โดยดำเนินงานภายใต้วิสัยทัศน์ “บริษัทชั้นนำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์จากนมและอาหารรสเลิศ รวมทั้งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่มุ่งมั่น เพื่อการดำเนินชีวิตที่ทันสมัย” ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สร้างความรื่นรมย์ให้กับรสชาติอาหารที่มีคุณภาพในทุกช่วงมื้ออาหารของผู้บริโภค พร้อมทั้งจัดหาวัตถุดิบและคัดสรรแบรนด์ชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำการผลิตและนำเข้าผลิตภัณฑ์เนย ชีส และอาหารสำเร็จรูปชั้นนำจากทั่วโลก ที่มีคุณภาพรายใหญ่ของประเทศไทย

 

ทั้งนี้ KCG มีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและแบรนด์อันแข็งแกร่งที่สร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารที่มีคุณภาพสอดรับกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงทุกช่วงเวลา ภายใต้ฐานการผลิตอันแข็งแกร่งและระบบโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain) ที่มีประสิทธิภาพ สามารถกระจายสินค้าครอบคลุมทุกช่องทางทั่วประเทศ โดยปัจจุบันKCG มีผลิตภัณฑ์หลักแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่

 

1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม (Dairy Products)ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เนย เนยแข็ง (Cheese) ภายใต้แบรนด์หลักที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Allowrie Imperial และผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากนม เช่น นมพร้อมดื่ม วิปปิ้งครีม2.กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกอบอาหารและเบเกอรี่ (Food and Bakery Ingredients)และผลิตภัณฑ์อื่นๆ แบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์อาหาร ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ส่วนผสมของอาหาร(Food Ingredients) เช่น น้ำมันมะกอก ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป เป็นต้น2) ผลิตภัณฑ์ประกอบการทำเบเกอรี่ อาทิ แป้งเค้กและแป้งมิกซ์ 3) ผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้เข้มข้นภายใต้แบรนด์SUNQUICKและ 4) อุปกรณ์ทำเบเกอรี่และประกอบอาหาร และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์บิสกิต (Biscuits)ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์คุกกี้ผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ และผลิตภัณฑ์เวเฟอร์ ภายใต้แบรนด์หลัก ได้แก่ Imperial Rosy Violet

 

นายดำรงชัย วิภาวัฒนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส KCG กล่าวว่า  บริษัทฯ มีนโยบายขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.การนำเทคโนโลยีมายกระดับกระบวนการผลิตโดยปีนี้ บริษัทฯ เตรียมลงทุนเครื่องจักรระบบอัตโนมัติ (Automation)เพื่อขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ชีส และในปี 2567จะเดินหน้าขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เนย เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตลอดจนสามารถบริหารจัดการต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมปรับพื้นที่ภายในโรงงานโดยแบ่งตามชนิดผลิตภัณฑ์ (Product Layout) ที่เทียบเท่ามาตรฐาน GMP C และGMP D ซึ่งเป็นมาตรฐานยุโรปที่มีความปลอดภัยด้านอาหารและสุขอนามัย 

 

2.มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรม และสูตรใหม่ทั้งในผลิตภัณฑ์ประเภทที่ทำจากนมและไม่ได้ทำจากนมซึ่งดีต่อสุขภาพและสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ (New Normal Lifestyle) เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำการเสนอสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด (Trend Setter) อย่างต่อเนื่อง

 

3.การขยายช่องทางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง โดยสำหรับกลุ่มผู้บริโภค (B2C)บริษัทฯ จะขยายช่องทางผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ร้านสะดวกซื้อและตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) พร้อมยกระดับการให้บริการกลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการ (B2B) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านอาหาร โรงแรม ร้านอาหารและจัดเลี้ยงและอุตสาหกรรมผลิตอาหาร โดยการจัดหาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจรพร้อมมุ่งขยายตลาดต่างประเทศผ่านตัวแทนจัดจำหน่ายโดยวางแผนสร้างพันธมิตรธุรกิจร่วมกับตัวแทนจัดจำหน่ายในเวียดนาม เพื่อเพิ่มการขยายตลาดส่งออกให้กว้างขวางยิ่งขึ้น จากในปัจจุบันที่ขยายไปแล้วรวม15 ประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่นจีนฯลฯ 

 

4.การขยายธุรกิจผ่านการควบรวมกิจการ (M&A Opportunities)หรือการร่วมทุน (Joint Venture) เพื่อให้สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

 

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) และอนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรวมถึงพิจารณาช่วงเวลาเสนอขายหุ้นที่เหมาะสม โดย KCG มีแผนที่จะออกและเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 170 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30.4 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อใช้ขยายกำลังการผลิต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง