รีเซต

เสียงสะท้อนภาคธุรกิจ ศบค.กระชับพื้นที่‘เคาต์ดาวน์’

เสียงสะท้อนภาคธุรกิจ ศบค.กระชับพื้นที่‘เคาต์ดาวน์’
มติชน
18 ธันวาคม 2563 ( 12:03 )
122

หมายเหตุความเห็นภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ กรณีที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม มีมติให้การจัดงานเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลปีใหม่ ต้องกำหนดให้คนเข้าร่วมงานได้ไม่เกิน 50% ของพื้นที่การจัดงาน

 

 

มาริสา สุโกศล หนุนภักดี
นายกสมาคมโรงแรมไทย

เห็นด้วยกับการเว้นระยะห่างทางสังคม เพราะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและทุกภาคส่วนต้องช่วยกัน เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดรอบที่ 2 เชื่อว่าแม้บางสถานที่จะจำกัดจำนวนคนเข้าร่วมงาน แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการออกมาเฉลิมฉลองช่วงปีใหม่ของประชาชน จึงอยากให้ทุกจังหวัดเพิ่มสถานที่เคาต์ดาวน์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น และจัดงานด้วยความระมัดระวังและเป็นไปตามเงื่อนไขของกระทรวงสาธารณสุข

ปัจจุบันนี้ใช่ว่าทุกคนจะต้องออกไปเคาต์ดาวน์ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพราะมีหลายกลุ่มเริ่มนิยมมาจัดงานเฉลิมฉลองที่โรงแรม หรือร้านอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยกระตุ้นธุรกิจโรงแรมให้มีการหันมาใช้บริการมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น การที่ ศบค.สั่งลดจำนวนคนร่วมเคาต์ดาวน์จึงไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในภาพรวมมากนัก และที่สำคัญ ยังไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกถึงขั้นหยุดท่องเที่ยว หากเป็นเช่นนั้นการท่องเที่ยวที่กำลังจะดีขึ้นอาจแย่ลงไปอีกได้ ซึ่งขณะนี้ยอดจองห้องพักในช่วงเทศกาลปีใหม่เริ่มคึกคักมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความห่างไกลจากกรุงเทพฯ อาทิ ภูเก็ต และสมุย เป็นต้น

สำหรับภาพรวมธุรกิจการท่องเที่ยว แม้นักท่องเที่ยวไทยจะเริ่มออกมาท่องเที่ยวมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ในเร็วๆ นี้ สมาคมจะหารือร่วมกับภาครัฐ เพื่อขอเพิ่มวันหยุดเพิ่มเติมในเดือนที่ไม่มีวันหยุด เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เพราะจากการเพิ่มวันหยุดของรัฐบาลที่ผ่านมา พบว่ามีส่วนช่วยให้คนไทยออกมาเที่ยวเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มกลับมาเที่ยวไทยได้ในช่วงกลางปี 2564 แต่หากเกิดการระบาดซ้ำอาจส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในช่วงปลายปี 2564 และคาดว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติต้องใช้เวลากว่า 2-3 ปี

 

 

พัลลภ แซ่จิว
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่

ในวันที่ 18 ธันวาคม จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน จ.เชียงใหม่ ซึ่งในที่ประชุมจะหารือว่า จ.เชียงใหม่จะขยับอะไรได้บ้าง แต่ที่ผ่านมา จ.เชียงใหม่ ก็ไม่ได้จัดงานเคาต์ดาวน์ใหญ่โตอะไรมากนัก ไม่เหมือนพัทยาหรือที่อื่นๆ จึงไม่กังวลเรื่องนี้หรือต้องปรับแผนอะไร

สำหรับเมืองเชียงใหม่มี 3 ส่วนที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่องคือ ส่วนแรก ในส่วนของโรงแรมแต่ละแห่งที่จะจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองด้วยตนเองในโรงแรมอยู่แล้วช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีงานจัดเลี้ยงให้กับลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรม ก็จะมีดนตรี การดื่มเฉลิมฉลอง ซึ่งภายในโรงแรมจะมีมาตรการเว้นระยะห่างตามมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีลักษณะตามขนาดของห้อง หรือพื้นที่โล่งด้านนอกจึงไม่น่าเป็นห่วง

ส่วนที่ 2 คือกลุ่มคนไทยที่มีทั้งนักท่องเที่ยวคนไทยและกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ จะไปร่วมกิจกรรมกับห้างสรรพสินค้าที่จัดกิจกรรมด้านหน้าทุกปี 3-4 จุดอาทิ เซ็นทรัลเฟสติวัล ทิงก์ปาร์ค วันนิมมานท์ เมญ่า และข่วงประตูท่าแพ เป็นจุดที่คนคาดหวังว่าจะมีการจัดกิจกรรมสนุกสนาน รวมทั้งถนนคนเดินไนท์บาซาร์ ซึ่งมีมาตรการคัดกรองคนอยู่แล้วตามมาตรฐาน และจำนวนคนก็มีไม่มากนัก

ส่วนที่ 3 จุดที่ประชาชนจัดกิจกรรมกันเอง เช่น เทศบาล อบต. ต่างอำเภอตามบ้านนอก ส่วนใหญ่ก็เป็นหน่วยงานของรัฐจัดขึ้น ก็ต้องคุมให้ได้ แต่คนไม่ค่อยมาก หรือกลุ่มเพื่อนที่จะไปฉลองกันตามร้านอาหาร ผับ และบาร์ ทุกพื้นที่จะมีมาตรฐานควบคุมโรคระบาดแล้ว

สำหรับเชียงใหม่ไม่น่าจะมีปัญหา หรือมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงดังกล่าว จริงๆ ก็อยากจะจัดกิจกรรมใหญ่ๆ เพื่อดึงคนมาท่องเที่ยว และพร้อมเทเงินลงไป แต่ดูสถานการณ์แล้วก็ไม่น่าคุ้ม เพราะคนไทยส่วนใหญ่มาเชียงใหม่มักไปเที่ยวชมธรรมชาติ ยอดดอย มากกว่าที่จะอยู่ในเมือง

 

 

วรสิทธิ์ ผ่องคำพันธุ์
นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย

เกาะสมุยทุกปีโรงแรมต่างๆ ก็จะมีการจัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์วันขึ้นปีใหม่ภายในโรงแรมกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแต่ละโรงแรมก็จะมีการจำกัดนักท่องเที่ยวจึงไม่มีปัญหาในการดูแลในเรื่องนี้ ส่วนงานที่เป็นสาธารณะหรืองานที่จัดใหญ่ๆ ในปีนี้คงไม่ได้จัดแต่ถ้าจะจัดก็ต้องอยู่ในความดูแลของสาธารณสุขอำเภอที่จะมาควบคุมในเรื่องมาตรการคัดกรอง การสวมหน้ากากอนามัย การกำหนดระยะห่าง และการกำหนดคนที่จะเข้ามาร่วมงาน

สำหรับเกาะสมุยนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาทั้งโดยสายการบินหรือทางเรือโดยสาร จะต้องผ่านจุดคัดกรอง พร้อมกับลงทะเบียนผ่าน “สมุย เฮลธ์ พาร์ท”ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลผู้ที่เดินทางเข้าและออกจากเกาะสมุย เพื่อป้องกันและติดตามกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาในพื้นที่

ตอนนี้เกาะสมุยมีโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้วกว่า 160 แห่ง ยอดการจองห้องพักในวันที่ 31 ธันวาคม 63 ถึง 1 มกราคม 2564 เพิ่มขึ้นแล้วกว่าร้อยละ 50 บางโรงแรมห้องพักเกือบเต็ม ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่ซบเซามานานมีรายได้เกิดขึ้นในวันปีใหม่

 

 

ธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธุ์
นายกเทศมนตรีเทศบาลนครขอนแก่น

งานเคาต์ดาวน์ของขอนแก่นจะมีคนมาร่วมงานจำนวนมากทุกปี ทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวปีละกว่าแสนคน ซึ่งภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ในปีนี้จะมีลดจำนวนผู้เข้าร่วม โดยมีมาตรการควบคุมหลักคือ ผู้ที่เข้างานทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา มีจุดให้บริการล้างมือด้วยสบู่และแอลกอฮอล์ที่เพียงพอ จัดเว้นระยะนั่งหรือยืน ในพื้นที่โดยรอบห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร ควบคุมจำนวนผู้เข้าร่วมงานเพื่อลดแออัดไม่น้อยกว่า 40 ตารางเมตรต่อคน หรือไม่เกิน 50%ของพื้นที่ทั้งหมด มีการควบคุมทางเข้าและออก มีระบบการลงทะเบียนก่อนเข้าและออกจากงาน ควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ มีมาตรการเสริมคือ มีมาตรการคัดกรองไข้ และ การไอ หอบ เหนื่อย หรือเป็นหวัด ก่อนเข้างาน 4 จุดต้องติดสติ๊กเกอร์ผู้ผ่านการคัดกรอง มีจุดพักนั่งรอสำหรับผู้ที่มีอุณหภูมิสูง หรือมีอาการป่วย พื้นที่การรอเข้างานและพื้นที่รอคิว จัดให้มีที่นั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร มีการทำสัญลักษณ์ให้ชัดเจนและมีการจัดระเบียบ มีจุดให้สแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” และลงทะเบียนเข้าร่วมงาน เพื่อเก็บข้อมูลและสามารถติดตามผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ ภายในงานเป็นพื้นที่โล่งระบายอากาศได้ดีมีการจัดที่นั่งเว้นระยะห่าง ในทุกกิจกรรม และร้านอาหาร มีพัดลมเป่าระบายอากาศในห้องสุขา และมีการทำความสะอาดทุก 1-2 ชั่วโมง มีการประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำผู้มาร่วมงาน ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัดผ่านเสียงตามสาย และเจ้าหน้าที่ตรวจตรา

งานเคาต์ดาวน์ปีใหม่นี้ ได้ลดจำนวนผู้เข้าร่วมงานจากปีละแสนกว่าคนให้เหลือเพียง 20,000 คน และทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าร้อยเปอร์เซ็นต์ ใครไม่ใส่หน้ากากจะเข้างานไม่ได้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลบริเวณงานตลอดเวลา คอยแจ้งเตือนประชาชนตลอดเวลา และไม่ให้ประชาชนอยู่ในพื้นที่หนาแน่นจนเกินไป

มีการเตรียมเก้าอี้ไว้สำหรับให้คนมาร่วมงานเคาต์ดาวน์นั่ง และจัดเก้าอี้เว้นระยะห่าง ทำให้ลดจำนวนคนลงไปหลายหมื่นในโซนด้านหน้าเวที ส่วนโซนด้านหลังจะมีการกำหนดจุดเอาไว้เพื่อรักษาระยะห่างของคนที่จะเข้าร่วมงาน ให้กระจายอยู่ตามจุดที่ได้จัดเตรียมไว้ ไม่ให้มีการรวมกลุ่มแบบแออัดอย่างแน่นอน

 

 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน
โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)

ผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ชุดใหญ่ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ทุกฝ่ายเข้มงวดมาตรการสาธารณสุข โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงผู้ฝ่าฝืนที่สุ่มเสี่ยงแพร่กระจายโรค และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยยกกรณีที่เคยเกิดขึ้นที่ จ.ระยอง มาเทียบเคียงกับกรณีที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกจังหวัด เพื่อให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ สามารถท่องเที่ยวภายในประเทศไทยได้ โดยปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังเน้นย้ำเรื่องการบันทึกข้อมูลลงในแอพพลิเคชั่นไทยชนะ อยากขอความร่วมมือประชาชน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมาหลายมาตรการ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการคนละครึ่ง ดังนั้นจะต้องไม่ให้มีการแพร่ระบาดอีกรอบจนทำลายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ที่ต้องการให้มีการท่องเที่ยว ประเทศไทยยังต้องการการปลอดเชื้อในประเทศไทยให้ได้มากที่สุด เพื่ออย่างน้อยคนไทย 60 กว่าล้านคนยังไปมาหาสู่กันได้ ยังไม่มีภาพแบบประเทศตะวันตกที่มีการล็อกดาวน์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

ทั้งนี้ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้สรุปมาตรการการดูแลด้านสาธารณสุขตามแนวชายแดน โดยมีแนวทางพูดคุยกันว่า ในเทศกาลปีใหม่ สนับสนุนให้มีการจัดงานรื่นเริงได้ แต่ผู้จัด ผู้ร่วมงาน จะต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด มีการเสนอแนะรูปแบบต่างๆ ออกมา เช่น การจำกัดจำนวนผู้ชม ผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 50% ของพื้นที่ เพื่อป้องกันการแออัด กำหนดพื้นที่ต่อจำนวนผู้ชมให้ไม่น้อยกว่า 1 ตารางเมตรต่อคน จัดเก้าอี้นั่งให้ห่างกัน จัดแบ่งพื้นที่ผู้เข้าร่วมชมการแสดงเป็นกลุ่มย่อย และแม้พื้นที่จะกว้างอย่างไรแต่จะให้เกิดความแออัดไม่ได้ มีการยกตัวอย่างรูปแบบการจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศอังกฤษ มีการนำแผงเหล็กมากั้นไว้เป็นล็อกๆ เพื่อให้กลุ่มคนที่มาด้วยกันได้อยู่ในล็อกเดียวกัน เพราะหากมีผู้ติดเชื้อจะสามารถควบคุมได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง