RMLเล็งดีลซื้อธุรกิจโรงแรม รุกฐานลงทุนหนุนรายได้โต
ทันหุ้น- สู้โควิด- RML เล็งดีล M&A โรงแรม 4 ดาวในประเทศ ปูทางขยายฐาน Recuring Income เพิ่ม หวังชัดเจนภายในปี2563 ส่วนโครงการ OCC คาดเปิดให้บริการปี2564 แถมเร่งทำโปรชั่นสร้างยอดขายต่อเนื่อง จากสต็อกในมือราว 1 หมื่นล้านบาท ผู้บริหารใหม่"กรณ์ ณรงค์เดช " ย้ำเป้ารายได้ปีนี้ 2.5 -3 พันล้านบาท
นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่ของประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการเข้าควบรวมกิจการ (M&A) ธุรกิจโรงแรมในประเทศหรือร่วมทุนเพิ่มเติม เพื่อขยายฐานพอร์ตธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) ให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ตัวเลขในส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 10% ของรายได้รวม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ รูปแบบโรงแรมที่บริษัทให้ความสนใจนั้นจะต้องอยู่ระดับ 3-4 ดาว ซึ่งคงให้น้ำหนักทั้งในส่วนของพื้นที่กรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิ หัวหิน (จังหวัดประจวบขีรีขันต์), พัทยา (จังหวัดชลบุรี) , ภูเก็ต และ พังงา เนื่องจากมองมีโอกาสที่จะสร้งการเติบการโตให้กับธุรกิจได้ในอนาคต เพราะเชื่อหากประเด็นเกี่ยวการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID 19) คลี่คลายลงแล้วนั้นประเทศไทยยังถือเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่สำคัญของชาวต่างประเทศ โดยเบื้องต้นมองโครงการที่จะเข้าทำรายการขนาดไม่เกิน 1 พันล้านบาท หวังได้เห็นความชัดเจนภายในปี 2563
"ที่ผ่านมาเราได้มีการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในบางส่วนเพิ่มเติม โดยได้มีการเลื่อนแผนโรงแรม HOTEL KITCH เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่และบริหารโรงแรมด้วยตนเอง จำนวน 72 ห้อง จากเดิมที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2563 ไปอย่างไม่มีกำหนด และหันมามองหาโอกาสในการ M&A หรือร่วมทุนในธุรกิจโรงแรมแทน รวมทั้งได้มีปรับทัพองค์กรตอกย้ำผู้นำตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักช์ชัวรี่ เดินหน้าสานต่อแผนงานที่วางไว้ ชูยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน งัดกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ในประเทศ"
จัดทัพธุรกิจเสริมแกร่ง
สำหรับแนวทางการบริหารงานหลังจากนี้นั้นจะมุ่งให้ความสำคัญในเรื่องต่างๆ ได้แก่ การปรับเปลี่ยนหันมามุ่งทำตลาดลักชัวรี่และซุปเปอร์ลักชัวร์ ที่มีราคาขายเฉลี่ยมากกว่า 10 ล้านบาทต่อยูนิตให้มากขึ้น เพราะเป็นตลาดที่บริษัทมีความเชี่ยวชาย, เตรียมปรับปรุงแบรนด์ให้มีความสดใหม่ทั้งในส่วนของชื่อและการออกแบบดีไซน์ที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม, การขยายฐานธุรกิจในส่วน Recurring Income อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว และการพยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมในส่วนของ RML เพื่อสร้างแรงจูงใจในการซื้อซ้ำ หลังจากการสำรวจข้อมูลในช่วงที่ผ่านพบว่า ลูกค้าของบริษัทนั้นมีการซื้อที่อยู่อาศัยของธุรกิจและบอกต่อญาติพี่น้องให้ซื้อซ้ำเฉลี่ยราว 30%
ขณะที่โครงการ “One City Centre” (OCC) อาคารสำนักงานเกรดเอ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่า ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง “บนถนนเพลินจิต” ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับทาง Mitsubishi Estate ซึ่งมีความสูง 61 ชั้น โดยโครงการดังกล่าวพื้นที่ให้เช่าประมาณ 61,000 ตารางเมตร คาดจะสามารถก่อสร้างเสร็จได้ในไตรมาส 4/2565 และน่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2566
อย่างไรก็ดี ในระยะยาวช่วง 5-7 ปีข้างหน้า (2564-2570) ทางบริษัทวางเป้ารายได้จะขยับไปสู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท (ภายใต้สมมุติฐานว่าไม่มีการแพร่ระบาดของ COVID 19 เฟสที่ 2 ในประเทศ) โดยเชื่อว่าคงได้สัดส่วนรายได้ของ Recurring Income ขยับขึ้นไปอยู่ที่ราว 10-20% และที่เหลือมาจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย
สำหรับผลประกอบการปี 2563 บริษัทเชื่อรายได้คงเป็นตามเป้าที่ตั้งไว้ 2.5-3.0 พันล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มลูกค้าระดับไฮเอนด์ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของธุรกิจยังมีกำลังซื้อต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการพร้อมโอนและอยู่ระหว่างการพัฒนาในทำเลต่างๆ (สต็อก) อยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท นอกเหนือจากยอดที่รอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ราว 8.4 พันล้านบาท