สรรพสามิตเล็งปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์รองรับยานยนต์อนาคต

อธิบดีกรมสรรพสามิตเผย กรมฯเตรียมปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต โดยรวมถึงรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนด้วย
#ทันหุ้น น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิตเปิดเผยว่า นโยบายภาษีของกรมสรรพสามิตนั้น จะใช้ภาษีสรรพสามิตเป็นเครื่องมือในการสร้างความยั่งยืน โดยการรักษาสมดุลระหว่างรายได้และผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจเพื่อพัฒนาศักยภาพในการแข่งขัน เช่น ภาษีรถยนต์ จะมีการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine: ICE) ไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility) ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีEV PHEV HEV และ Hydrogen ตามนโยบายที่รัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
”กรมสรรพสามิตจะมีการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่าน จากรถยนต์สันดาป ไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งรวมถึงรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน ด้วย“
ส่วนภาษีแบตเตอรี่จะมีการปรับโครงสร้างภาษีเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่จำเป็นต้องมีการใช้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ โดยกำหนดเกณฑ์ตามค่า Energy Density หรือประจุไฟฟ้าต่อน้ำหนัก และ Lifecycle หรือรอบการอัดประจุไฟฟ้า
ในส่วนของภาษีคาร์บอน จะเป็นการเพิ่มกลไกราคาคาร์บอนภายในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน โดยที่ภาระภาษีสรรพสามิตน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันจะปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบประชาชน
ทั้งนี้ ภาษีคาร์บอนอยู่ในระหว่างการเตรียมเสนอเข้า ครม. ซึ่งอัตราภาษีคาร์บอน จะอยู่ที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอนเทียบเท่า แล้วคูณด้วย Emission factor ซึ่งน้ำมันแต่ละชนิดมีการปล่อยคาร์บอนออกมาไม่เท่ากัน ก็จะได้ภาระภาษีคาร์บอนที่อยู่ในน้ำมันหรือผลิตภัณฑ์น้ำมันนั้นๆ
ก่อนหน้านี้ บอร์ด EV ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติใช้มาตรการภาษีในอัตราต่ำ เพื่อสนับสนุนรถยนต์ประเภท Hybrid และ Mind Hybrid เป็นระยะเวลานานถึง 7 ปี เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์สันดาปภายใน ไปสู่ EV ในอนาคต โดยมีมติ ปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ประเภท Hybrid ใหม่โดยจะกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประเภทนี้ในอัตราคงที่เป็นระยะเวลา 7 ปี จากเดิมที่จะต้องมีการทยอยปรับขึ้นภาษี โดยรถยนต์ประเภท Hybrid ที่ปล่อยคาร์บอนไม่เกิน 100 กรัม จะมีอัตราภาษีสรรพสามิต ที่ 6% คงที่ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2575 และรถ Hybrid ที่ปล่อยคาร์บอนเกินกว่า 100 กรัม แต่ต่ำกว่า 120 กรัม จะเก็บภาษีในอัตรา 9 % ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2575
มาตรการสนับสนุน Hybrid ดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนแปลงจากมาตรการเดิม ที่รถ Hybrid จะต้องทยอยปรับอัตราภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นทุกปีๆละ 2 %หลังปี 2569
นอกจากนี้ บอร์ด EV ยังได้มีมติสนับสนุนรถยนต์ประเภท Mind Hybrid ที่เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยเครื่องยนต์สันดาป แต่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปเสริมแข่งขับเคลื่อน เพื่อให้รถยนต์ประเภทนี้ เป็นเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่ EV ในอนาคตได้ต่อไป และเชื่อว่าไทยมีศักยภาพในการผลิตรถยนต์ประเภทนี้
ทั้งนี้ มาตรการภาษีที่สนับสนุน Mind Hybrid คือ หากเป็นรถที่ปล่อยคาร์บอน ไม่เกิน 100 กรัม จะเสียในอัตรา 10 % ตั้งแต่ปี 2569-2575 และหากปล่อยคาร์บอนเกินกว่า 100 กรัม จะเก็บในอัตรา 12% ทั้งนี้อัตราภาษีของ mind hybrid เป็นอัตราที่สูงกว่า Hybrid แต่ต่ำกว่ารถยนต์สันดาป