รีเซต

จีนประกาศเก็บภาษีถุงยางอนามัย หวังให้คนมีลูกเพิ่มขึ้น

จีนประกาศเก็บภาษีถุงยางอนามัย หวังให้คนมีลูกเพิ่มขึ้น
TNN ช่อง16
4 ธันวาคม 2568 ( 16:59 )
13

คนจีนเตรียมซื้อถุงยางอนามัยแพงขึ้น หลังรัฐบาลประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีถุงยางอนามัยเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทะให้คนมีลูกมากขึ้น หลังประสบกับวิกฤตอัตราการเกิดตกต่ำ

ก่อนหน้านี้ ถุงยางอนามัยในจีน ถือเป็นสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) นั่นหมายความว่าถุงยางอนามัยในจีนมีราคาที่เข้าถึงง่าย แต่นโยบายใหม่ จะกลับมาเรียกเก็บภาษีดังกล่าวอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาถุงยางอนามัยจะปรับราคาสูงขึ้น 

กฎหมายนี้ ได้ผ่านความเห็นชอบในเดือนธันวาคม 2024 กำหนดว่า จะปรับรายการสินค้าและบริการที่ได้รับการยกเว้นภาษีใหม่ ครอบคลุมตั้งแต่สินค้าเกษตร การรักษาพยาบาล และกิจกรรมทางวัฒนธรรม แต่กลับไม่รวมผลิตภัณฑ์คุมกำเนิด เช่น ถุงยางอนามัย ในสินค้าที่จะได้รับการยกเว้นภาษี

จีนใช้นโยบายยกเว้นภาษีถุงยางอนามัยมาหลายปี ซึ่งอยู่ในนโยบายควบคุมประชากรอย่างเข้มงวด แต่หลายปีมานี้ จีนก็เหมือนกับหลายประเทศ ที่อัตราเด็กเกิดใหม่น้อยลงเรื่อยๆ จนเข้าขั้นวิกฤต ทำให้ทางจีนต้องเร่งออกมาตรการกระตุ้นให้คนมีลูกเพิ่มขึ้น 

กฎหมาย VAT ฉบับใหม่จะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2026 ซึ่งเป็นระยะเวลาเตรียมการตามปกติสำหรับการปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นและภาคธุรกิจมีเวลาปรับระบบบัญชีให้พร้อม

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้ยกเว้น VAT ให้กับธุรกิจรับเลี้ยงเด็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ และบริการที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนอยากสร้างครอบครัว 

อัตราการเกิดของจีนลดลงอย่างต่อเนื่องมาหลายสิบปี โดยมีปัจจัยเร่งจากนโยบายลูกคนเดียวที่ใช้ระหว่างปี 1979 ถึง 2015 ในปี 2024 จีนมีอัตราเกิดเฉลี่ยเพียง 6.77 ต่อประชากร 1,000 คน

นโยบายลูกคนเดียวบังคับให้ครอบครัวส่วนใหญ่มีลูกได้เพียงคนเดียว ผ่านระบบค่าปรับ ข้อจำกัดด้านการลงทะเบียน และการควบคุมในสถานที่ทำงาน รัฐยังรณรงค์การใช้วิธีคุมกำเนิดและการทำหมันอย่างกว้างขวาง เพราะกังวลว่าทรัพยากรของประเทศจะไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น

แนวคิดนี้ยังเชื่อว่าการควบคุมประชากรอย่างเข้มงวดเป็นกุญแจสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางสังคม

แม้นโยบายจะช่วยลดจำนวนการเกิด แต่กลับสร้างแรงกดดันทางประชากรในระยะยาว ทั้งจำนวนแรงงานที่ลดลง ประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และความเหลื่อมล้ำทางเพศ จากค่านิยมต้องการลูกชาย ทำให้สัดส่วนเพศของประเทศเบี่ยงไปทางผู้ชาย เนื่องจากเด็กหญิงจำนวนมากถูกทอดทิ้งหรือถูกปลิดชีพ

ในปี 2023 อัตราการเจริญพันธุ์ของจีนอยู่ที่ 1 ตามข้อมูลของธนาคารโลก ซึ่งคิดเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของระดับ 2.1 ที่จำเป็นต่อการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่ หรือที่เรียกว่า “อัตราทดแทน”

การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนตั้งแต่ทศวรรษ 1980 มีพื้นฐานจากแรงงานวัยทำงานจำนวนมหาศาล ทำให้เกิดการผลิตในระดับใหญ่ การเติบโตจากโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งออกที่แข่งขันได้ จนเปลี่ยนประเทศจากความยากจนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ซึ่งเรียกว่า “ปาฏิหาริย์เศรษฐกิจจีน”

แต่หากจำนวนแรงงานยังคงลดลง จีนอาจเผชิญความยากลำบากในการรักษาอัตราการเติบโตและรองรับสังคมสูงวัยในอีก 50 ปีข้างหน้า

แม้รัฐบาลจะทำให้การคุมกำเนิดมีราคาสูงขึ้น แต่นักวิจารณ์กังวลว่าจะส่งผลต่อการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ขณะเดียวกันอีกฝ่ายมองว่ามาตรการนี้ยังไม่เพียงพอ เพราะต้นทุนการเลี้ยงลูกในจีนยังสูงเกินไปสำหรับพ่อแม่จำนวนมาก 

ตามรายงานของสถาบันวิจัยประชากร YuWa ในปี 2024 ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กหนึ่งคนจนถึงอายุ 18 ปีเฉลี่ยอยู่ที่ 538,000 หยวน หรือประมาณ 2.4 ล้านบาท ทำให้จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าเลี้ยงดูลูกแพงที่สุดในโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง