สานต่อ ‘พ่อบรรหาร’ เปิดสูตรจัดการน้ำ ‘สุพรรณบุรีโมเดล’ ที่นายกฯ ยังเอ่ยปากชม!
ท่ามกลางวิกฤตการณ์ภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นซ้ำซากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย จังหวัดสุพรรณบุรีกลับสามารถรับมือและบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกลายเป็นต้นแบบความสำเร็จให้หลายจังหวัดนำไปประยุกต์ใช้ เบื้องหลังความสำเร็จนี้ มีปัจจัยสำคัญจากรากฐานที่วางไว้ตั้งแต่ครั้งการบริหารประเทศของ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และได้รับการสานต่อจนถึงปัจจุบัน
สุพรรณบุรี ดินแดนแห่งท้องทุ่งกว้าง มหานครแห่งข้าว
สุพรรณบุรีเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำภาคกลางตอนบน มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยมีพื้นที่การเกษตรสูงถึงร้อยละ 69 ของพื้นที่ทั้งหมด ในจำนวนนี้กว่า 1.39 ล้านไร่เป็นพื้นที่นาข้าว นอกจากนี้ยังมีการปลูกอ้อยโรงงานและมันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ การมีแหล่งน้ำธรรมชาติมากมาย ทำให้จังหวัดมีศักยภาพในการทำเกษตรกรรมสูงมาก หากแต่ในทางกลับกันก็เสี่ยงต่อภัยธรรมชาติทั้งน้ำท่วมและภัยแล้งเช่นกัน
วางรากฐานยุคบรรหาร พัฒนาแหล่งน้ำหลากหลาย
ต้นกำเนิดของความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น สืบเนื่องมาจากสมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้วางนโยบายบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร ผ่านการพัฒนาแหล่งน้ำหลากหลายประเภทตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อาทิ เขื่อนกระเสียวที่กักเก็บน้ำได้มากถึง 300 ล้าน ลบ.ม. การผันน้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ มาเติมเขื่อนในช่วงฝนตกหนัก การพัฒนาระบบกระจายน้ำผ่านคลองชลประทานต่างๆ
ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เกษตรกรสร้างบ่อน้ำในไร่นาเป็นแหล่งน้ำสำรอง แผนงานเหล่านี้ได้วางรากฐานให้สุพรรณบุรีมีความมั่นคงด้านแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในระยะยาว
ประตูระบายน้ำคุมเข้ม 'น้ำท่วม-น้ำแล้ง' ไม่ใช่เรื่องยาก
เมื่อถึงหน้าฝน ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่หลากมาบวกกับฝนตกหนักในพื้นที่ มักสร้างความเสียหายจากน้ำท่วมในพื้นที่ราบลุ่ม กลยุทธ์สำคัญ คือ การใช้ประตูระบายน้ำคุมเข้มเพื่อควบคุมระดับน้ำ โดยจะผันน้ำส่วนเกินจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าไปกักเก็บในเขื่อนกระเสียว ทุ่งมะขามเฒ่า กุฎีเกลือ และพื้นที่แก้มลิงต่างๆ อ้างอิงจากข้อมูลสถิติช่วงปี 2555-2564 ปีที่เกิดน้ำท่วมหนักสุดคือปี 2560 มีพื้นที่ประสบภัย 582,875 ไร่ ความเสียหาย 1,851.91 ล้านบาท การกักเก็บน้ำส่วนเกินไว้ใช้ได้ผลดีในการลดพื้นที่น้ำท่วมและเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนไว้ใช้ยามแล้ง สอดคล้องกับผลการศึกษาของสถาบันทรัพยากรน้ำ
ในทางกลับกัน เมื่อเข้าสู่ฤดูแล้ง หัวใจสำคัญอยู่ที่การวางแผนจัดสรรน้ำที่กักเก็บไว้ทั้งจากเขื่อนกระเสียวและอีก 12 อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ ซึ่งรวมกันแล้วมีความจุกว่า 295 ล้าน ลบ.ม. โดยคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำซึ่งมีผู้แทนจากทุกภาคส่วน ทั้งกรมชลประทาน เกษตรจังหวัด และเกษตรกร จะร่วมกันกำหนดปริมาณและช่วงเวลาการระบายน้ำสู่คลองส่งน้ำ ให้สอดคล้องกับความต้องการน้ำของพืชแต่ละชนิดในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต ข้อมูลสถิติระบุว่าในรอบ 20 ปี สุพรรณบุรีประสบภัยแล้ง 10 ครั้ง แต่ด้วยการวางแผนจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ ทำให้พื้นที่นาปรัง 9 แสนไร่ ยังคงได้รับน้ำพอเพียง
ปรับเปลี่ยนวิถีเกษตร ประหยัดน้ำเพื่ออนาคต
อีกเสาหลักของความสำเร็จ คือ การปรับเปลี่ยนวิธีทำการเกษตรแบบเดิมให้เข้ากับสภาวะขาดแคลนน้ำ ทั้งการหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้ง การใช้ระบบน้ำหยดในสวน การใช้พันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตสูง อายุสั้น ทนแล้ง รวมถึงการส่งเสริมปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทน ทั้งหมดนี้เป็นการลดการพึ่งพาน้ำชลประทาน เป็นการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เกษตรกรรมอย่างยั่งยืน
ปิดท้าย ไม่ใช่แค่อุดมการณ์ที่เลือนลาง
ความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำของสุพรรณบุรี ไม่ได้มาจากความบังเอิญ แต่เกิดจากการออกแบบอย่างเป็นองค์รวม ทั้งการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำที่หลากหลาย การจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบ การปรับตัวของภาคเกษตร ซึ่งเชื่อมโยงและเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน โดยมีพื้นฐานมาจากนโยบายการบริหารจัดการน้ำในยุคอดีตนายกบรรหาร ศิลปอาชา ที่มุ่งให้เกิดความมั่นคงทางน้ำและการเกษตรในระยะยาว
สุพรรณโมเดล ต้นแบบความสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำที่หลายจังหวัดนำไปประยุกต์ใช้ ได้รับเสียงชื่นชมจาก พล.อ.เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระหว่างเยือนจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านระบุว่าความสำเร็จนี้เกิดจากการผนึกกำลังของทุกภาคส่วน ทั้งกรมชลประทาน ทหารราบพัฒนา ในการร่วมกันพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ขยายท่อส่งน้ำ พร้อมบริหารจัดสรรน้ำอย่างเป็นธรรม ควบคู่กับความร่วมมือของเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเพาะปลูก ยึดหลักการที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยอดีตนายกบรรหาร ศิลปอาชา และนายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชาย
วันนี้สุพรรณบุรี จึงไม่เพียงรับมือกับวิกฤตน้ำท่วม-ภัยแล้ง ได้เป็นอย่างดี หากยังสร้างหลักประกันความมั่นคงทางอาหาร กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมเผชิญความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สุพรรณโมเดล จึงเป็นดั่ง อุดมการณ์ และพลังใจที่จะดำรงอยู่ต่อไป ไม่มีวันเลือนหายไปตามกาลเวลา
แหล่งที่มา ;
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
สำนักชลประทานที่ 12 http://irrigation.rid.go.th/rid12/InstitutionalRio12/InstitutionalRio12.html
รายงานข้อมูลพื้นที่ประสบภัยจังหวัดสุพรรณบุรี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2564
รายงานสถานการณ์ภัยแล้งจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุพรรณบุรี 2563