รีเซต

รมว.กลาโหมสั่งเหล่าทัพพร้อมรับมือพายุ “คัลแมกี” ช่วยประชาชนเต็มกำลัง

รมว.กลาโหมสั่งเหล่าทัพพร้อมรับมือพายุ “คัลแมกี” ช่วยประชาชนเต็มกำลัง
TNN ช่อง16
8 พฤศจิกายน 2568 ( 19:11 )
9

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม (ศบภ.กห.) และทุกเหล่าทัพ เตรียมพร้อมรับมือพายุ “คัลแมกี” (KALMAEGI) ที่เคลื่อนปกคลุมพื้นที่ตอนบนของประเทศไทย โดยให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยง

รมว.กลาโหมกำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามแผนบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2564 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2568) และย้ำว่า “การช่วยเหลือประชาชนคือภารกิจสำคัญของกองทัพ” โดยให้ทุกเหล่าทัพบูรณาการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น ทั้งในระยะก่อนเกิดภัย ระหว่างเกิดเหตุ และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ

กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยในสังกัดเตรียมยานพาหนะ เรือท้องแบน และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่ช่วยเหลือในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมจัดตั้ง “ชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว” แจกจ่ายถุงยังชีพ น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นแก่ผู้ประสบภัย

กองทัพบก ได้ส่งกำลังเข้าช่วยเหลือหลายพื้นที่ เช่น ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา โดยร่วมเสริมแนวคันกั้นน้ำ ติดตั้งพนังกั้นน้ำรอบโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม รวมถึงช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาคอีสาน เช่น ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลราชธานี ด้วยการตั้งศูนย์พักพิงและขนย้ายผู้ป่วยติดเตียง

กองทัพเรือ เตรียมความพร้อมของเรือผลักดันน้ำตามพระราชดำริรัชกาลที่ 9 พร้อมหน่วยจากทัพเรือภาค 1–3 และฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อช่วยระบายน้ำในพื้นที่ลุ่มต่ำและเสริมการป้องกันน้ำท่วม

กองทัพอากาศ สั่งให้กองบินหลักทั่วประเทศเตรียมเครื่องบินและกำลังพลสนับสนุนภารกิจอพยพและขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากพายุโดยตรง

กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่า วันที่ 7–8 พฤศจิกายน 2568 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายจังหวัด โดยเฉพาะอุบลราชธานี ยโสธร ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์ พร้อมเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงระวังน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ส่วนพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือช่วงคลื่นสูง

พลเรือตรีสุรสันต์ย้ำว่า กระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพจะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเต็มกำลัง ภายใต้แนวคิด “การช่วยเหลือประชาชนด้วยหัวใจของทหาร”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง