สธ.เผยวัคซีนสูตรไขว้ "แอสตร้าฯ+ไฟเซอร์" จะเข้าศบค. 14 ต.ค.นี้
วันนี้( 12 ต.ค.64) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข ระบุถึง สูตรการฉีดวัคซีนไขว้ ว่า ตอนนี้สูตรวัคซีนโควิด ยังเป็นสูตรไขว้ ซิโนแวค เข็ม 1 / เข็ม 2 ฃแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งทางวิชาการได้มีการพิจารณาสูตรไขว้ในหลายๆสูตร
การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในส่วนประชาชนที่ฉีดเข็ม 1 ซิโนแวค และเข็ม 2 แอสตร้าเซนเนก้าไปแล้วนั้น โดยหลักการตอนนี้ภูมิคุ้มกันยังคงอยู่ระดับสูงอยู่ ยังไม่ต้องกังวลที่จะรับเข็ม 3 ในช่วงเวลานี้ แต่อนาคตจะมีการพิจารณาหากผ่านไป 3-6 เดือน
ส่วนการพิจารณาวัคซีนสูตรไขว้ ทางอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันฯ จะมีผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาข้อมูลวัคซีนต่างๆ โดยได้ข้อสรุปสูตรไขว้แล้ว แต่อยู่ระหว่างให้ ศบค. พิจารณาในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ คือ แอสตร้าเซนเนก้า เข็ม1 และ ไฟเซอร์เข็ม 2
การฉีดวัคซีนสูตรไขว้แอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์ ทางคณะกรรมการจะพิจารณาจากปัจจัยหลายด้านทั้ง การสร้างภูมิคุ้มกัน ความปลอดภัยรวมถึงจำนวนวัคซีนที่สามารถจัดหาได้ในช่วงเวลา
นั้นๆ ซึ่งในกรณีการใช้วัคซีน แอสตร้าเซนเนก้าไขว้กับไฟเซอร์นั้น มีข้อมูลทางวิชาการรองรับว่ามีการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีสามารถใช้ได้
ส่วนภาคใต้ ตอนนี้ได้มีการเร่งจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์เข้าไปในพื้นที่เพิ่มเติม 5 แสนโดส โดยหากประชาชน ยังไม่ได้รับวัคซีนเลยจะได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม แต่หากได้รับแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 1
ไปแล้ว จะได้รับเข็ม 2 เป็นวัคซีนไฟเซอร์ ขอให้มั่นใจว่าสูตรวัคซีนที่ประกาศออกมาสามารถใช้ได้ ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญว่าสามารถสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในร่างกายได้อยู่ในระดับสูงและมีความปลอดภัย
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนในกลุ่มนักเรียนที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กผู้ชาย ขณะนี้ทางคณะอนุกรรมการวิชาการจะนำข้อมูลการรับวัคซีนเข็ม 1 มาพิจารณาในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ สำหรับการใช้วัคซีนไฟเซอร์เข็ม2 ในกลุ่มนักเรียนชาย ซึ่งจะสรุปได้ก่อนวันที่จะนัดรับเข็ม 2 ในวันที่ 25 ตุลาคม
ขณะที่ สถานการณ์ภาพรวมการติดเชื้อในประเทศ กรุงเทพฯปริมณฑล คิดเป็นร้อยละ 21 ส่วน 4 จังหวัดชายแดนใต้ ร้อยละ 22 ถือว่าสูงกว่ากรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนอีก 67 จังหวัดอื่นๆคิดเป็นร้อยละ 57 ขณะที่ผู้เสียชีวิตในวันนี้ส่ส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สูงอายุและมีโรคเรื้อรัง
สำหรับสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิด 19 ในประเทศไทยล่าสุด ฉีดเพิ่ม 805,146 โดส ทำให้ภาพรวมกันฉีดวัคซีนอยู่ที่ 6 1,033,251 โดส ทำให้ตอนนี้ยอดรวมผู้รับวัคซีนโควิดเข็ม 1 อยู่อยู่ที่ร้อยละ 49.2 / ส่วน เข็มที่ 2 อยู่ที่ ร้อยละ 33 ส่วนการฉีดวัคซีนในนักเรียน-นักศึกษา 12-17 ปีเข็มที่ 1-8 แล้ว 499,046 คน คิดเป็นร้อยละ11.1
ในส่วนการรับวัคซีนโควิด สะสมในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กรุงเทพฯ กระบี่ พังงาประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ชลบุรี ระนองสมุทรปราการ ระยอง ตราด เชียงใหม่ เลย บุรีรัมย์ หนองคาย อุดรธานี เข็ม1 ครอบคลุมไปแล้วร้อยละ 70 ในส่วนกลุ่มบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไปและบุคคลที่มีโรค มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ครอบคลุมไปแล้วร้อยละ 72.3
การฉีดวัคซีนโควิด19 ในจังหวัดชายแดนใต้ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา เข็ม 1 มีการฉีดไปแล้ว 1,520,354 คน ครอบคลุมร้อยละ 42.4 ส่วนเข็ม 2 ขีดไปแล้ว 988,545 คน คิดเป็นร้อยละ 27.6
ข้อมูลจาก ผู้สื่อข่าว TNN ช่อง 16
ภาพจาก ผู้สื่อข่าว TNN / AFP