เมื่อพรรคประชาชนเลือก “ไม่เลือก” วิเคราะห์ทางเลือกที่ 3

เวลา 13.00 น. คือหมุดหมายสำคัญของการเมืองไทยวันนี้ เมื่อพรรคประชาชนเรียกประชุม สส. นัดพิเศษ เพื่อหารือท่าทีในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 หลังจากทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยต่างเดินเกมเข้าหา เสนอรับเงื่อนไขสามข้อที่พรรคประชาชนยืนยันมาตลอด เพื่อแลกกับเสียงโหวต 143 เสียงที่สามารถชี้ขาดสมการการเมืองได้ แต่ในวงสนทนาการเมืองยังคงมีอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าจับตา คือการที่พรรคประชาชนอาจไม่ยกมือเลือกใครเลย
เงื่อนไขที่ทั้งสองพรรคยอมรับ
พรรคประชาชนวางกรอบเงื่อนไขไว้ 3 ข้อ ซึ่งทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยต่างตอบรับ ได้แก่
รัฐบาลที่จะจัดตั้งต้องเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ และยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังการแถลงนโยบาย
ต้องจัดทำประชามติ เพื่อเปิดทางไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้สภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง
พรรคประชาชนจะไม่เข้าร่วมรัฐบาล แต่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบต่อไป
การตอบรับเงื่อนไขเหล่านี้สะท้อนว่าทั้งสองขั้วการเมืองต้องการเสียงของพรรคประชาชนอย่างมาก เพราะหากได้เสียง 143 เสียงมาสนับสนุน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของแต่ละฝ่ายก็จะมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งทันที
ทางเลือกที่ 3 ไม่โหวตให้ใคร
แม้จะมีเงื่อนไขที่ได้รับการตอบรับ แต่พรรคประชาชนยังมีอีกหนึ่งทางเลือก คือการไม่ยกมือโหวตให้กับผู้สมัครจากทั้งสองพรรค ทางเลือกนี้หมายความว่า ไม่มีแคนดิเดตใดจะได้เสียงเกิน 247 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร ผลที่ตามมาคือการเมืองอาจเข้าสู่ภาวะรัฐบาลเสียงข้างน้อย รัฐบาลรักษาการอาจดำเนินงานต่อ หรืออาจนำไปสู่การผลักดันนายกรัฐมนตรีคนนอกตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งเป็นความกังวลของหลายฝ่าย
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การไม่โหวตย่อมมีความเสี่ยงหลายประการ
ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะยืดเยื้อ เพราะไม่สามารถหาผู้ได้รับเสียงข้างมากได้
มีโอกาสเกิดรัฐบาลที่เปราะบาง และถูกล้มได้ง่ายจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เปิดทางให้กลไกพิเศษอย่างการเลือกนายกฯ คนนอก หรือการขับเคลื่อนโดยอำนาจนอกระบบเข้ามามีบทบาทมากขึ้น
ความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนอาจสั่นคลอนจากการที่ไม่สามารถหาทางออกทางการเมืองที่มั่นคงได้
ข้อได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์
ในอีกมุมหนึ่ง การไม่ยกมือเลือกใครเลยอาจถือเป็นการรักษาหลักการของพรรคประชาชน ที่ยืนยันมาตลอดว่าจะไม่ร่วมมือกับระบบการเมืองแบบเดิม พรรคจะไม่ถูกโจมตีว่าเลือกข้าง หรือแลกผลประโยชน์ทางการเมือง และยังสามารถใช้กลไกในสภา เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือการตั้งกระทู้ถาม เพื่อบังคับรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้เดินตามข้อตกลงได้อย่างใกล้ชิด
ความเห็นในพรรคและแรงกดดันภายนอก
บรรยากาศภายในพรรคประชาชนมีความเห็นแตกออกเป็น 3 แนวทาง คือ กลุ่มที่อยากโหวตให้พรรคเพื่อไทย กลุ่มที่อยากโหวตให้พรรคภูมิใจไทย และกลุ่มที่เห็นควรไม่โหวตให้ใครเลย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. ระบุชัดว่าพรรคควรเร่งคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการผลักดันให้มีการเลือกตั้งใหม่ พร้อมย้ำว่าไม่ควรยึดติดกับการเข้าร่วมรัฐบาล
ด้านสังคมภายนอก ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนบางสำนักพบว่า มีคนจำนวนไม่น้อยไม่ต้องการให้พรรคประชาชนจับมือกับพรรคการเมืองใดในปัจจุบัน และมองว่าการเมืองที่พยายามจัดตั้งรัฐบาลแบบปริ่มน้ำไม่ได้แก้ปัญหาประเทศอย่างแท้จริง
ทางเลือกที่ 3 ของพรรคประชาชนในการไม่โหวตให้ใครเลย จึงเป็นทางเลือกที่มีทั้งความเสี่ยงและข้อได้เปรียบ หากเลือกเดินเส้นนี้ ประเทศอาจเผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง พรรคก็จะรักษาหลักการที่วางไว้ ไม่ประนีประนอมกับโครงสร้างการเมืองเก่า คำถามที่ยังค้างคาอยู่คือ ประเทศไทยจะได้หรือเสียอะไรจากการเลือกเส้นทางนี้ และพรรคประชาชนพร้อมที่จะรับผลที่ตามมาหรือไม่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
