SMT
ตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1580-1585 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรจากความกังวลเกี่ยวกับ Bond Yield อายุ 10 ปีที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทะลุผ่านระดับ 1.70% ขึ้นไป ทำให้แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยังมีความเสี่ยงในการปรับฐาน โดยมีแนวรับที่ 1560 และ 1550 จุดเป็นแนวรับสำคัญ
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจวันนี้ คือ SMT หรือ บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตและประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ผลการดำเนินงานปี 63 มีกำไรสุทธิ 81 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.097 บาท พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานปี 62 ที่ขาดทุน 39 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.047 บาท
นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) (SMT) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 64 เป็นเกือบ 3 พันล้านบาท จากเดิมตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.51 พันล้านบาท จากแนวโน้มยอดการสั่งออเดอร์ของลูกค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมากจนขณะนี้บริษัทมีออเดอร์ล่วงหน้าไปแล้วถึง 9 เดือน หรือคิดเป็น 75% ของเป้ารายได้เดิม อีกทั้งบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ของกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ที่รอรับรู้รายได้ในปีนี้แล้ว 50 ล้านบาท ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะปรับตัวสูงขึ้นกว่าเป้าเดิม และเติบโตขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 42%
บริษัทได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการกระจายกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ 8-9 ราย จากปี 62 ที่มีลูกค้าหลัก 1-2 รายเท่านั้น ทำให้บริษัทลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้ารายใดรายหนึ่ง และสามารถนำเสนองานใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าที่เป็นงานอัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงได้มากขึ้น แตกต่างจากในอดีตที่เน้นกลุ่มฮาร์ดดิสก์ เพราะแม้ว่าฮาร์ดดิสก์จะมีปริมาณการขายสูง แต่ให้มาร์จิ้นต่ำ ซึ่งการปรับกลยุทธ์กระจายกลุ่มลูกค้าส่งผลให้ผลงานของบริษัทฟื้นตัวขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และนำไปนำเสนอกับลูกค้า ทำให้บริษัทสามารถเสนองานที่มีมาร์จิ้นสูงขึ้น และยังช่วยให้แนวโน้มของกำไรในปี 64 มีโอกาสเติบโตขึ้นด้วย โดยที่บริษัทมองว่ากำไรในปีนี้จะเติบโตในทิศทางเดียวกับรายได้ คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 20%
ภาพรวมของธุรกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาตั้งแต่ปีก่อน หลังจากปรับกลยุทธ์ของธุรกิจที่กระจายกลุ่มลูกค้ามากขึ้น และเน้นไปที่งานที่ให้มาร์จิ้นดี ประกอบกับภาพรวมตลาดสินค้าไอทีเติบโตสูงขึ้น ทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์ไปด้วย ซึ่งปีนี้รายได้ก็จะเติบโตสองหลัก และปีหน้าก็อาจจะโตขึ้นไปเป็นสามหลัก จาก organic ก่อน ส่วนการที่เราจะซื้อกิจการอื่นๆเข้ามาก็ขอรอดูในช่วงปลายปี 65 ก่อน โดยที่เป้าหมายในปี 66 บริษัทจะมีรายได้แตะ 4.5 พันล้านบาท
ด้านแผนการลงทุนของบริษัทในปี 64 ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 60 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อและปรับปรุงเครื่องจักร ทำให้โรงงานของบริษัทสามารถทำการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมกับการศึกษาการลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่พื้นที่ 10,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับออเดอร์ของลูกค้าที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทยังคงเดินหน้านำเสนองานกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการส่งออก 100% บริษัทได้มีการทำสัญญาเพื่อขอปรับขึ้นค่าต้นทุนการผลิตกับลูกค้าไว้ 1-2% เมื่อทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งเป็นการป้องกันความเสี่ยง ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินต่อผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ
SMT มีราคามูลค่าทางบัญชีล่าสุดอยู่ที่ 1.58 บาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ 4.54 บาท คิดเป็นอัตราส่วน Price to Book Value Ratio ที่ 2.87 เท่า ในขณะที่อัตราส่วน P/E Ratio ที่ 45 เท่า
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดทะลุผ่านแนวต้านที่ 5.00 ทำให้แนวโน้มของราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 5.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะมีแนวต้านถัดไปที่ 6.00 แต่มีแนวรับสำคัญที่ 4.00 ถ้าหลุดจะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิคสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น
สนใจบทความย้อนหลัง และเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถหาดูได้ในเพจ Trendtalk