รีเซต

LINE ประเทศไทย Work-life Revolution ยกเครื่องเรื่องออฟฟิศ | TNN Tech Reports Weekly

LINE ประเทศไทย Work-life Revolution ยกเครื่องเรื่องออฟฟิศ | TNN Tech Reports Weekly
TNN ช่อง16
31 มกราคม 2566 ( 16:26 )
60
LINE ประเทศไทย Work-life Revolution ยกเครื่องเรื่องออฟฟิศ | TNN Tech Reports Weekly



ซึ่งจากการที่ LINE (ไลน์) ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของคนไทยในแถบจะทุกมิติ ก็ทำให้หลาย ๆ คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่โตขึ้นมาแล้วอยากจะเป็น “Liners” หรือชาวไลน์ อยู่เบื้องหลังการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ผู้คน และเพื่อให้หลาย ๆ คนได้พอเห็นภาพกันว่า เบื้องหลังของ Liners เขาใช้ชีวิตกันอย่างไร ทำไมถึงได้มีไอเดียเด็ด ๆ ออกมาอยู่เสมอ บทความนี้เลยจะขออาสาพาไปเปิดบ้านออฟฟิศ LINE ประเทศไทยกัน



บริษัท LINE .. ?


LINE  คือหนึ่งในบริษัทที่ติด 20 อันดับแรก ที่หลาย ๆ คนอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดในปี 2022 จากผลสำรวจ สุดยอด 50 องค์กรในฝัน ของคนรุ่นใหม่ปี 2022 โดย WorkVenture ที่ปรึกษาและผู้นำด้านการสร้างแบรนด์นายจ้างให้แก่องค์กรชั้นนำในไทยและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มค้นหางาน


จากบทสัมภาษณ์ของ ดร.พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LINE ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ LINE ที่น่าสนใจต่าง ๆ ดังนี้ 

  • ปัจจุบัน LINE ประเทศไทย มีพนักงานประมาณ 500 คน 
  • ฝั่ง LINE BK มีประมาณ 200-300 คน
  • LINE MAN มี 900 คน
  • LINE PAY อีกประมาณ 100-200 คน



  • ตึกที่ทำงานของ LINE ปัจจุบันจะสูง 2 ชั้น มีขนาดประมาณ 3,000 กว่า ตร.ม. แต่ก่อนจะมีโควิด บริษัท LINE มีพื้นที่สูง 3 ชั้น พอเกิดโควิดขึ้น ทางบริษัทก็ปรับระบบทำงานใหม่ พนักงานไม่จำเป็นต้องอยู่ออฟฟิศตลอดเวลา โดยใช้หลักแนวคิด Work-life Revolution หรือ ปฏิวัติชีวิตการทำงาน ผสานพื้นที่เชื่อมการทำงานและไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน


ออฟฟิศที่สามารถทำงานได้จากทุกที่ !?


หลังจากสำรวจพบว่า ดัชนีความสุขพนักงานที่ต้องการทำงานในออฟฟิศสลับกับ Work From Home หรือจากที่ไหนก็ได้ต่อเนื่อง แม้สถานการณ์โควิดจะเป็นปกติแล้วก็ตาม ทาง LINE จึงได้พยายามทำให้สถานที่ทำงานกลายมาเป็นบ้านหลังที่สอง  เป็นพื้นที่แห่งสุขภาวการณ์ทำงานที่ดี หรือ Creating Center of Well-being สำหรับการทำงานในรูปแบบ "Work from Anywhere" โดยให้ความสำคัญทั้งร่างกายและจิตใจเป็นหลัก 


โดยนอกจากกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์แล้ว ทางบริษัทยังเดินหน้าเพื่อปรับพื้นที่ทางกายภาพของออฟฟิศใหม่ให้มีความเหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย




ดร.พิเชษฐ์ เผยว่า :

"เราเรียนรู้จากช่วงโควิดว่า ทุก ๆ คนอาจจะชอบ Work from home แต่ผมคิดว่านั่นเป็นสมมุติฐานที่ผิด บางคนให้อยู่บ้านคนเดียวนาน ๆ เขาง๋อยมากเขาต้องการออกมาเจอคน เพราะฉะนั้น อันนี้ตอบโจทย์ง่าย เราก็จะมีกิจกรรม มีพื้นที่ให้เขามาเจอกัน"


Work from Anywhere


การที่เรียกว่า Work from Anywhere ทางบริษัทจึงต้องปรับสิ่งที่เรียกว่าทางกายภาพของออฟฟิศให้เหมาะกับการทำงานได้จากมุมใดก็ได้ โดยจะเริ่มเปลี่ยนเป็นแชร์ หรือ Co-working Space ให้มากขึ้น



ออฟฟิศของ LINE นั้นอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านจริง ๆ เพราะตั้งแต่ก้าวแรกที่เราเข้าออฟฟิศไป เราจะได้เจอกับน้องหมีบราวหมีสีนำ้ตาล คาเรกเตอร์ยอดนิยมของ LINE จากนั้นจึงได้เจอกับมุมกาแฟ ซึ่งมีเมนูหลากหลายให้เลือกสรร โดยพนักงานของที่นี่จะได้รับสวัสดิการ ให้สามารถซื้อกาแฟในราคาแก้วละ 30 บาทได้ แต่ต้องซื้อผ่าน LINE Official Account และจ่ายผ่าน Rabbit LINE Pay เท่านั้น




ในส่วนของ ห้องประชุม ไม่ว่าจะห้องใหญ่หรือเล็ก ต่างก็มีอุปกรณ์วิดีโอคอลเตรียมไว้เสร็จสรรพ พร้อมให้ทุกคนสามารถประชุมออนไลน์ คุยงานได้ และยังมี ห้องสตูดิโอ  ช่วยให้การไลฟ์ขายของสะดวกมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีตู้ล๊อคเกอร์ไว้คอยบริการให้พนักงานเก็บของส่วนตัว เพิ่มความสะดวกสบายท่ามกลางการทำงานที่เป็นระบบ Hot Desk หรือ ระบบโต๊ะส่วนกลาง ที่ใครจะนั่งที่ไหนก็ได้ 


ระบบ Hot Desk ก็คือระบบที่พนักงานที่จะเข้ามาทำงาน ต้องจองผ่าน LINE Official Account จองโต๊ะ จองห้องทำงาน จากนั้นทางบริษัทจะเอาข้อมูลการจองนี้มาคำนวณปริมาณอาหารเช้าและกลางวันที่ต้องเตรียมไว้ให้พนักงานอีกต่อหนึ่ง  


นอกจากห้องทำงานและห้องประชุมแล้ว ที่ออฟฟิศของ LINE ยังมีพื้นที่พิเศษให้สำหรับพนักงานได้พักผ่อนอีกด้วย ไม่ว่าจะโรงอาหาร, ห้องนวด, ห้องงีบ, ตู้คุยโทรศัพท์, ยิมออกกำลังกาย, และโต๊ะแทงพลู อย่างครบถ้วน


ก้าวต่อไปของออฟฟิศ LINE


นอกจาก เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดเตรียมมาให้เสมือนทำงานอยู่บ้านแล้ว บริษัทเทคชั้นนำ ก็ต้องใช้เทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพและเพื่มความยืดหยุ่นในการทำงาน โดยเป็นระบบภายในที่ ไลน์ใช้กับบริษัทในเครือทั้งหมด การที่เอาเทคโนโลยี มาช่วยในการทำงาน น่าจะช่วย 2 เรื่องนี้ ได้ค่อนข้างชัดเจนก็คือ Efficiency ในเรื่องของความรวดเร็ว และเรื่องของประสิทธิภาพ และในเรื่องของ Flexibility ให้กับพนักงาน ซึ่งปัจจุบันทาง LINE มีเตรียมไว้อย่างครบถ้วนอยู่แล้ว




ในอนาคต เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัท ทิศทางการขยายออฟฟิศจะเป็นไปในลักษณะของการมีออฟฟิศอยู่หลายๆ ที่ในประเทศไทย เพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานให้กับพนักงาน และเพื่อให้ตอบรับการไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่อยากลดเวลาในการเดินทางลง


เพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานให้กับพนักงาน และเพื่อให้ตอบรับกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่อยากลดเวลาในการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลานี้ ที่บริษัทเติบโตขึ้นมาเกือบ 20 เท่าตัวนับจากปี 2016 โดยมีพนักงานเกือบ 2,000 คน ในปัจจุบัน




ทำไม LINE ประเทศไทย ถึงเป็นบริษัทไทยที่คนไทยอยากร่วมงานด้วยมากที่สุด ?


"ทุกวันนี้คนเก่งๆ บริษัทเทคโนโลยีก็แย่งกันน่าดู คราวนี้สิ่งที่เราน่าจะทำได้ดีกว่าคนอื่น ก็คือว่า เราน่าจะไปอยู่ใกล้กับคนเก่งๆ พวกนั้นมากกว่าบริษัทอื่น เกิดการใช้ออฟฟิศร่วมกันระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูกทั้งหลาย อันนี้จะช่วยลดต้นทุนในเรื่องของค่าใช้จ่าย เพิ่มความหลากหลายมากและทางเลือกมากขึ้นสำหรับพนักงานที่จะไปเช็คอินและนั่งทำงานตรงนั้นตรงนี้

คนบางคนจะไม่ต้องการอยู่ที่กรุงเทพ เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการคนที่เก่งที่สุด เราก็ต้องวิ่งไปหาเค้า แต่คนที่อยู่ที่ LINE ก็ต้องเป็นคนที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง ผมทำงานมา 20 กว่าปี ผมคิดว่า LINE ประเทศไทย คือบริษัทหนึ่ง ที่มี Energy ดีที่สุด มันไม่ใช่อะไรที่เราสร้างได้ข้ามคืน แต่เป็นอะไรที่ฝ่ายบุคคลหรือ HR ของเรา ต้องทำตลอดเวลา

ทำงานยังไงให้กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคนเหล่านี้ออกมา เพราะว่าเราทำธุรกิจที่จะต้องตอบโจทย์ 50 กว่าล้านคนในประเทศไทย เพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องทำอยู่เรื่อย ๆ ลองบัญญัติไตรยางค์กับธุรกิจอื่นที่มีผู้ใช้ 50 กว่าล้านคน คนของผมน้อยมาก คนที่อยู่ที่นี่จะต้องมี energy คิดเร็ว ทำเร็ว แก้ปัญหาเป็น และต้องเป็นคนที่ทำงานร่วมกับคนอื่นได้"


คำตอบจากบทสัมภาษณ์ของ ดร.พิเชษฐ์ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท LINE ประเทศไทย จำกัด


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง