รีเซต

รัฐบาลอินโดฯโวย ปชช.ทำโควิดพุ่ง เจอสวน เราจะตายกันหมด มัวแต่สนเศรษฐกิจ!

รัฐบาลอินโดฯโวย ปชช.ทำโควิดพุ่ง เจอสวน เราจะตายกันหมด มัวแต่สนเศรษฐกิจ!
ข่าวสด
7 ตุลาคม 2563 ( 15:16 )
138
รัฐบาลอินโดฯโวย ปชช.ทำโควิดพุ่ง เจอสวน เราจะตายกันหมด มัวแต่สนเศรษฐกิจ!

สถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอินโดนีเซียพุ่งสูงขึ้น รัฐบาลโทษว่าประชาชนล้มเหลวในการปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัย ขณะเดียวกัน มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ มากกว่าจะเร่งแก้ปัญหาโควิด-19 ในประเทศ

 

หลังจากหน่วยงานโควิด-19 แห่งชาติอินโดนีเซีย กล่าวโทษประชาชนว่าล้มเหลวในปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัย เช่น การไม่สวมหน้ากากอนามัย และ การเว้นระยะห่างทางสังคม ได้สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชนอย่างมาก โดยความไม่พอใจนี้พุ่งเป้าไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เทราวัน อากัส ปุตรันโต ชาวอินโดนีเซียเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง และให้มีการเลือกคนที่เหมาะสมกว่ามาทำหน้าที่แทน เนื่องจากเขาล้มเหลวในการยับยั้งการระบาดที่พุ่งสูงขึ้น มีชาวอินโดนีเซียประมาณ 4 หมื่นคน ลงชื่อในช่องทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ Change.org ซึ่งประกอบไปด้วย ประชาชน กลุ่มแนวร่วมทางสังคม นักวิชาการ และสมาชิกองค์กรทางสังคม

 

BBC

 

โดยกลุ่มคนเหล่านี้ ให้ความเห็นว่า ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดของไวรัสโควิด-19 รมว.สาธารณสุข ไม่จริงจังกับการรับมือสถานการณ์ จนทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องเสียชีวิตเพราะโรคดังกล่าวไปมากกว่า 250 คน เนื่องจากขาดอุปกรณ์ป้องกัน

 

อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยมีประชากรประมาณ 270 ล้านคน มีผู้ติดเชื้อ 311,176 รายเสียชีวิต 11,374 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 6 ตค. 63) สาเหตุที่ทำให้อินโดนีเซียมียอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง เนื่องจากไม่มีการตรวจการติดเชื้อที่เพียงพอ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อที่ถูกยืนยันไม่สะท้อนกับจำนวนผู้ติดเชื้อจริง มีระบบการติดตามตัวผู้ติดเชื้อที่ไม่มีประสิทธิภาพ และมีการยกเลิกการเว้นระยะห่างทางสังคมของแต่ละจังหวัดตั้งแต่เดือนมิถุนายน

 

The Jakarta Post

 

ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย โจโก วิโดโด ออกมาตอบรับเสียงวิจารณ์ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้คือคนในประเทศไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับการทะเลาะและไม่ควรจะก่อความปั่นป่วน การให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคฯ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยอมเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่การเสียเศรษฐกิจ อาจสังเวยด้วยความเป็นอยู่ของชีวิตนับล้าน เขาจึงไม่ได้ใช้มาตรการปิดพื้นที่ทั้งหมด หรือให้ประชาชนกักตัวในเขตเมืองหรือจังหวัด แม้จะเป็นเขตที่มียอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงก็ตาม

 

โดยเขาให้ความเห็นว่า การรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ของอินโดนีเซียนั้น ถึงแม้จะไม่ดีมากแต่ก็ไม่ได้เลวร้าย ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตถือว่าต่ำมาก หากเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ นอกจากนี้เขาได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดการกับวิกฤตครั้งนี้และขอให้ประชาชนช่วยกันวิจารณ์และให้คำแนะนำแก่รัฐบาล

 

ขณะเดียวกัน มีชาวอินโดนีเซียจำนวนหนึ่งเพิกเฉยต่อมาตรการ โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่หาเช้ากินค่ำ เช่น คนขายของหาบเร่ ผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ฯลฯ เนื่องจากไม่เชื่อในมาตรการป้องกันโรคฯของรัฐบาล ที่รัฐบาลนำมาตราการปิดพื้นที่เมืองบางส่วนมาใช้อีกครั้ง จึงทำให้มีประชากรบางส่วนเลือกที่จะไม่สวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี หรือไม่สวมหน้ากากเลย และไม่เว้นระยะห่างทางสังคม เพราะเชื่อว่าก่อนหน้านี้ แม้จะให้ความร่วมมืออย่างเคร่งครัดแล้วก็ยังมีการติดเชื้อพุ่งสูงอยู่ นอกจากนี้ในพื้นที่เมืองมีการใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างคับคั่งเป็นปกติ จึงยากต่อการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม และรัฐยังไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ จึงทำให้เชื้อแพร่กระจายไปได้อยู่ดี

 

ต่อมามีการออกกฎหมายที่สำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคฯ โดยจะมีการเรียกปรับเงิน ตั้งแต่ 250,000 รูเปียห์ อินโดนีเซีย (526.86 บาท ไทย โดยประมาณ) แต่วิธีการดังกล่าวกลับไม่เกิดประสิทธิภาพที่ดีนัก โดยมีผลในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของประชาชนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง