มหาอำนาจเสียงแตกกรณีที่สหรัฐฯ โจมตีเป้าหมายทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน อิสราเอลหนุนสหรัฐฯ

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นเอสซี จัดประชุมฉุกเฉินเมื่อวานนี้ (22 มิถุนายน) หลังจากที่กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์ในอิหร่าน 3 แห่ง แสดงให้เห็นความคิดเห็นที่แตกต่างระหว่างประเทศมหาอำนาจ
อามีร์ ซาอีด อิราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำยูเอ็น ประณามการโจมตีของสหรัฐฯ และระบุว่าสหรัฐฯ บิดเบือนสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT) นำมาใช้เป็นอาวุธทางการเมือง รวมถึงใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิดกฎหมายและรุกรานอิหร่าน นอกจากนี้ ยังเตือนด้วยว่าปฏิกริยาตอบโต้ของอิหร่านจะขึ้นอยู่กับกองทัพ รวมหยิบยกเอาเหตุการณ์ลอบสังหารพลเอกกาเซ็ม สุไลมานี เมื่อปี 2020 หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของอิหร่านว่าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้ถึงความเป็นปรปักษ์จากสหรัฐฯ
ขณะที่ตัวแทนจากรัสเซีย ก็วิจารณ์รุนแรงต่อสหรัฐฯ ว่าละเลยต่อกระบวนการทางการทูต และระบุว่าการโจมตีอิหร่านของสหรัฐฯ เปรียบเหมือนกับการเปิดกล่องแพนโดรา ที่จะทำให้โลกเข้าสู่วิกฤตนิวเคลียร์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันทีและกลับเข้าสู่วิธีการเจรจาเพื่อยุติเหตุขัดแย้ง โดยข้อเสนอนี้ได้รับการสนับสนุนจากจีนและปากีสถาน ที่ต่างก็เรียกร้องให้หยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข
ส่วนสถานการณ์เหตุขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ก็ยังดำเนินต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าว่าจะลดความรุนแรงลงเลย
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา กองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล (IDF) หรือ กองทัพอิสราเอล ได้แสดงความเห็นบนแพลตฟอร์ม “เอ็กซ์” (X) หรือที่ชื่อเก่าคือ ทวิตเตอร์ ว่า เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นทั่วพื้นที่ตอนกลางของอิสราเอล เนื่องจากมีการโจมตีทางอากาศมาจากฝ่ายอิหร่าน แต่ไม่นานหลังจากนั้น ทางกองทัพอิสราเอลก็แจ้งกับประชาชนว่า สามารถออกจากที่หลบภัยได้แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่าระบบต่อต้านอากาศยานอิสราเอลสามารถรับมือการโจมตีจากอิหร่านได้เบื้องต้น
ในขณะที่ฝ่ายอิสราเอลเอง ก็ได้ส่งเครื่องบินขับไล่ 20 ลำ บุกไปโจมตีกรุงเตหะราน และเมืองอื่น ๆ ของอิหร่าน โดยทางเจ้าหน้าที่อิสราเอล ระบุว่า เป้าหมายที่โจมตีได้แก่ โกดังเก็บขีปนาวุธและฐานยิงจรวด ระบบเรดาร์และดาวเทียม ไปจนถึงเครื่องยิงขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศที่อยู่ใกล้กับกรุงเตหะราน
ขณะที่ตลาดหุ้นในเอเชียก็เปิดตัวด้วยการปรับตัวลดลงในวันนี้ (23 มิถุนายน) ในขณะที่ราคาน้ำมันก็พุ่งขึ้นแตะในระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน เป็นช่วงสั้น ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดว่าอิหร่านจะตอบโต้การโจมตีของสหรัฐฯ หรือไม่ ซึ่งมีโอกาสจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ณ เวลา 9 นาฬิกาวันนี้ (23 มิถุนายน) ตามเวลาประเทศไทย ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 อยู่ที่ 79.12 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือประมาณ 2,611 บาทต่อบาร์เรล ในขณะที่น้ำมันดับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 อยู่ที่ 75.98 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือราว 2,507 บาทต่อบาร์เรล ในขณะที่นักวิเคราะห์บางคน ก็กังวลต่อกรณีที่อิหร่านประกาศปิดช่องแคบฮอร์มุซ ว่าอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งแตะระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือ 3,299 บาทต่อบาร์เรล เลยทีเดียว
แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางคนที่มองโลกในแง่ดีว่า อิหร่านอาจจะยอมถอย เนื่องจากมีข้อจำกัดในโครงการนิวเคลียร์หลังถูกสหรัฐฯ โจมตี หรือไม่ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลที่นำไปสู่การมีผู้นำที่ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อโลกตะวันตก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
