ทองขึ้นแตะแนวต้าน 3,395 ดอลลาร์ แนวโน้มอาจปรับฐาน สู่แนวรับ 3,300-3,345 ดอลลาร์

วันเสาร์ที่ผ่านมา ตามเวลาสหรัฐฯ กองทัพสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ต่อโรงงานนิวเคลียร์หลัก 3 แห่งของรัฐบาลอิหร่าน ได้แก่ ฟอร์โด ,นาทานซ์ และ เอสฟาฮาน พร้อมกับเตือนอิหร่านว่า "อิหร่านต้องสร้างสันติภาพ ไม่เช่นนั้น การโจมตีในอนาคตจะยิ่งใหญ่และง่ายดายกว่าเดิมมาก" อีกทั้งทรัมป์ยังได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล หลังเกิดเหตุโจมตีดังกล่าวแล้ว 

โดยการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลร้องขอให้สหรัฐฯ เข้าร่วมการโจมตีทางอากาศที่อิสราเอลเริ่มเมื่อต้นเดือนนี้ แต่หลังจากเหตุการณ์การโจมตีของสหรัฐฯ ส่งผลให้ในเวลาต่อมามีชาวอิสราเอลบาดเจ็บอย่างน้อย 27 ราย หลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธ 40 ลูกเข้าใส่ย่านรามัตอาวีฟในเทลอาวีฟเพื่อเป็นการตอบโต้กลับ อีกทั้งทางรัฐสภาอิหร่านได้อนุมัติการปิดช่องแคบฮอร์มุซแล้ว แต่ทว่ายังต้องได้รับการอนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่านก่อนที่จะมีการปิดช่องแคบอย่างเป็นทางการ ทางด้านกองทุน SPDR ซื้อทอง 9.75 ตันในสัปดาห์ก่อน รวมสุทธิ 950.24 ตัน

เช้านี้ราคาทองโลกที่ไต่ระดับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 3,395 ดอลลาร์ อาจมีแนวโน้มปรับฐานลงสู่แนวรับที่ 3,300-3,345 ดอลลาร์ หลังตลาดเริ่มคลายความกังวลจากสถานการณ์ที่เข้ากระทบ

เวลา 14.00น. สหรัฐฯ มีการแถลงของผู้ว่าการเฟด  (คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์) เวลา 20.45-21.00 สหรัฐฯ มีการประกาศตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI)ภาคการผลิต / บริการ เดือน มิ.ย. , ยอดขายบ้านมือสอง เดือน พ.ค. (ล้านยูนิต) และ การแถลงของผู้ว่าการเฟด (มิเชล โบว์แมน)

ราคาทองโลกเช้านี้ต้องเผชิญกับแรงขายอีกครั้ง หลังตลาดประเมินว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางอาจเริ่มผ่อนคลายลง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเสี่ยงเข้าซื้อจากแนวรับที่ 3,300 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 3,360 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับที่ 3,275 ดอลลาร์ลงไป

ทองคำในประเทศยังคงปรับตัวผันผวนจากทั้งสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงปัจจัยในประเทศ อย่างไรก็ตามมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 51,800 บาท ซึ่งราคาอาจสามารถฟื้นตัวกลับได้อีกครั้ง สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเสี่ยงซื้อจากแนวรับดังกล่าว