ถอดรหัสทองไทย ไหลกัมพูชา 7 หมื่นล้าน ค้าขาย หรือ แฝงมุมมืด ?

“ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยกย่องว่า “ปลอดภัยที่สุด” ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ไหน มูลค่าของมัน แทบจะไม่เคยลดลงเลย มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่การส่งออกทองคำจำนวนมหาศาลจากไทยไปกัมพูชา อย่างก้าวกระโดดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กลับสร้างข้อกังขาให้กับหลายฝ่าย ถึงตัวเลขส่งออกที่สูงผิดปกติ ว่า ทำไมกัมพูชาถึงนำเข้าทองคำจากไทยในปริมาณมากขนาดนี้
ทองไทยไหลไปกัมพูชา 7 เดือนแรกทะลุ 7 หมื่นล้านบาท
หากเราย้อนไปดูตัวเลขการส่งออกทองคำไทย จากกระทรวงพาณิชย์ จะพบว่า มูลค่าการส่งออกทองคำไปกัมพูชาสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด นับตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา
ปี 2566 มูลค่าการส่งออกทองคำไทยไปกัมพูชา อยู่ที่ 12,562.19 ล้านบาท แต่พอปี 2567 กลับส่งออกไปกัมพูชาสูงเป็นอันดับที่ 1 ของประเทศ มูลค่าสูงถึง 105,982.05 ล้านบาท มากขึ้นถึง 743.66% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคิดเป็น 34.85% ของมูลค่าการส่งออกทองคำทั่วโลก
ขณะที่ ปี 2568 แค่ 7 เดือนแรก ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชา อยู่ที่ 71,312.02 คิดเป็น 28.07% ของมูลค่าการส่งออกทองคำรวมทั้งหมดของไทย
ทำไมกัมพูชาต้องนำเข้าทองคำไทย ?
จากตัวเลขส่งออกทองคำที่สูงขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ทำไมกัมพูชาถึงนำเข้าทองคำจากไทยในจำนวนมหาศาล ทั้งที่ทองคำ ไม่ใช่สินค้าจำเป็นสำหรับเศศรษฐกิจประเทศ และรายได้คนกัมพูชาส่วนใหญ่ ไม่สามารถซื้อทองคำไว้ครอบครองได้
รศ.ดร. อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจอาเซียน ตอบคำถามประเด็นนี้ว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดทองคำไทยได้มาตรฐานในระดับเอเชีย เป็นตลาดที่ใหญ่ และมีความน่าเชื่อถือ ขณะเดียวกัน ก็ตั้งข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้ที่ทองคำเหล่านี้ อาจเข้าไปเกี่ยวโยงกับธุรกิจสีเทาในกัมพูชา
“เมื่อก่อนกัมพูชาเราส่งออกทองคำเป็นกัมพูชา ไม่เกิน 1,000 ล้านเหรียญ ประมาณสัก 500-600 ล้านเหรียญ ประมาณนี้ แต่ตอนนี้มันเป็น 3,000 ล้านเหรียญ…ผมตั้งข้อสังเกตว่า มีโอกาสสูงที่จะเข้าไปเป็นการซื้อของเขมรเอง และส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ และอาจจะเป็นการเข้ามาเป็นศูนย์กลางในการฟอกเงินตั้งเป็นข้อสังเกต”
“เวลาเรามีทุนธุรกิจสีเทา มันมีอยู่ 4 ตัว ที่เราต้องการไปแปลงมัน 1.ถือเป็นเงินสด 2.ถือทองคำ 3.ถืออสังหาริมทรัพย์ 4.เปิดบริษัท ในทองคำเป็นสินทรัพย์อันดับที่ 2 ที่ธุรกิจสีเทาจะทำการฟอกเงินได้” รศ.ดร. อัทธ์ กล่าว
รศ.ดร. อัทธ์ กล่าวต่อไปว่า กัมพูชาอาจซื้อทองคำ เพื่อแปรรูปส่งออกไปต่างประเทศได้ แต่จากตัวเลขส่งออก 90% ไม่ได้เป็นทองคำ ส่วนใหญ่ที่กัมพูชาส่งออกไปจะเป็นเสื้อผ้า, รองเท้า, กระเป๋า และอุตสาหกรรมต่าง ๆ
“ผมพยายามจะดูว่า มีทองคำอยู่ไหม ซื้อจากไทยแล้วไปแปรรูป เพื่อจะส่งไปออก ไม่มี เพราะฉะนั้นก็น่าจะตั้งเป็นข้อสังเกตได้ว่า เขมรซื้อทองคำไป เพื่อจะเข้าไปสู่ธุรกิจสีเทา รวมทั้งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของธุรกิจสีเทา” รศ.ดร. อัทธ์ กล่าว
การตั้งข้อสังเกตนี้ มีพื้นฐานสอดคล้องกับรายงานของ Humanity Research Consultancy พบว่า การหลอกลวงออนไลน์ กลายเป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรมหาศาลให้กับกัมพูชา
คาดการณ์ว่า มีมูลค่าสูงถึง 1.25-1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี คิดเป็น 60% ของ GDP ประเทศ
แม้จะมีตัวเลขการส่งออกสูงขึ้นจำนวนมาก แต่กรมศุลกากร ออกมาชี้แจงถึงประเด็นการส่งออกทองคำไปกัมพูชาที่สูงผิดปกติ ว่า มีการส่งออกทองคำไปกัมพูชามากจริง เพราะตลาดกัมพูชา ถือเป็นตลาดใหญ่ มีกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เป็นสินค้าที่ไม่ได้ต้องห้ามส่งออกไป และไทยก็ส่งออกทองคำกัมพูชามานานแล้ว บางช่วงอาจมีมาก บางช่วงอาจมีน้อย
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ค้าทองก็ออกมายืนยันว่า การส่งออกทองคำไปกัมพูชา ดำเนินถูกต้องตามกฎหมาย และไม่มีความเชื่อมโยงใด ๆ กับกลุ่มธุรกิจสีเทา
เมื่อถามว่า ราคาทองที่ดูเหมือนสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะว่า ราคาทองสูงขึ้นหรือเปล่า เลยทำให้ตัวเลขการส่งออกดูเหมือนสูงขึ้น
รศ.ดร. อัทธ์ ตอบประเด็นนี้ว่า มีความเป็นไปได้ ราคาทองแพง จึงทำให้มูลค่าการส่งออกทองคำไทยดูสูงขึ้น แต่ถ้าดูปี 2024 ราคาทองก็ไม่ได้แพงมากกว่าในปีนี้ ปีนี้ยิ่งแพงขึ้นก็ยิ่งมีผล
“นอกจากราคาที่สูงขึ้น ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นด้วย หลายคนถือทองเพื่อเก็งกำไร ถือทองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และสำหรับธุรกิจฟอกเงิน ทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยที่สุด สามารถเปลี่ยนเงินไม่สะอาด ให้เป็นเงินสะอาดได้”
“ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา เขาซื้อทองไปเพื่ออะไร ? ถ้าเพื่อเก็งกำไรหรือการลงทุนคนทั่วไป ต้องดูว่ากำลังซื้อของคนกัมพูชาเป็นอย่างไร รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีประมาณ 2,800 เหรียญสหรัฐ หรือราว 8,000 บาทต่อเดือน” รศ.ดร. อัทธ์ กล่าว
รศ.ดร. อัทธ์ กล่าวด้วยว่า การส่งออกไปไม่ผิดปกติและไม่ผิดข้อกำหนดอาเซียน เพราะใครก็สามารถซื้อขายสินค้าได้ทั่วโลก แต่สำหรับทองคำมีข้อสังเกตว่า มีการนำเข้าสูงผิดปกติ แล้วก็ไม่ได้เป็นสินค้าจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจกัมพูชา
“ที่บอกว่า 7 เดือนนี้ เขมรนำเข้าทองคำจากไทยไปแล้วกว่า 70,000 ล้านบาท ขณะที่ทั้งปีที่แล้วมีระดับถึงหลักแสนล้านบาท ซึ่งแนวโน้มปีนี้อาจแตะ 150,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เฉพาะปีนี้ที่ซื้อสูง ปีที่แล้วก็ซื้อสูง และตั้งแต่ปี 2023 ก็มีสัญญาณแล้วว่ามีการนำเข้าเกิน 1,000 ล้านเหรียญ” เขา กล่าว
ส่งออกทองคำไปกัมพูชา กระทบเศรษฐกิจไทยหรือไม่ ?
คำถามสำคัญต่อมา คือ แล้วการที่ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชาจำนวนมาก ส่งผลกระทบอย่างไรต่อเศรษฐกิจไทย
“การที่เราส่งไปก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ให้เข้าไปตรวจสอบ และตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าเข้าไปสู่ธุรกิจการฟอกเงิน
ดังนั้นการที่ทองคำเติบโตผิดปกติจึงควรตั้งข้อสังเกตว่าอาจเชื่อมโยงกับธุรกิจฟอกเงินหรือธุรกิจสีเทา หรือ ธุรกิจสีเทา อันนี้ ผิดปกติ และมีความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ จากสหรัฐอเมริกาหรือชาติอื่น ๆ ที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ถูกเป็นข้ออ้างได้ว่า คุณเป็นหนึ่งในห่วงโซ่ของธุรกิจฟอกเงิน ในธุรกิจสีเทา” รศ.ดร. อัทธ์ ตอบ
“มีโอกาสสูงมากที่จะโดนคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะส่งผลกระทบเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย จากประเด็นการส่งทองคำไปเขมร สูงผิดปกติ”
หน่วยงานรัฐเฝ้าจับตา ถกแก้ปิดช่องโหว่
ถึงจะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่า การส่งออกทองคำไทย ไปกัมพูชาที่สูงผิดปกติ เกิดจากอะไร แต่หน่วยงานเกี่ยวข้องก็เริ่มจับตาถึงสถานการณ์นี้แล้ว
ธนาคารแห่งประเทศไทย เรียกผู้ค้าทองรายใหญ่ 13 ราย หารือร่วมกัน เพื่อหาวิธีดูแลธุรกรรมทองคำ ปิดช่องทางการฟอกเงิน
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ อย่างเร่งด่วน หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมาย จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด
ด้าน รศ.ดร. อัทธ์ แนะแนวทางรัฐบาลถึงสถานการณ์นี้ว่า อันดับแรก รัฐบาลควรเข้าไปศึกษาการเคลื่อนไหวทองคำไทยไปกัมพูชา มีที่มาที่ไปอย่างไรให้ชัดเจน จากนั้น จึงค่อยออกมาตรการ หรือ ยุทธศาสตร์ เช่น การกำหนดโควต้า หรือจำกัดการส่งออกทองคำไปกัมพูชา เพื่อป้องกันให้ไทย ไม่ตกเป็นหนึ่งในเส้นทางการฟอกเงินให้กลุ่มธุรกิจสีเทาในประเทศเพื่อนบ้าน
"การจำกัดโควต้า จะส่งผลดีต่อประเทศไทย เพื่อบอกประชาคมโลกว่า ประเทศไทยให้ความสำคัญกับธุรกิจบริสุทธิ์ ไม่ต้องการให้เป็นทางผ่านของธุรกิจสีเทา"
"สหรัฐฯ จับตาเรื่องนี้มาก เรามีประเด็นเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี เป็นหนึ่งในเส้นทางของแก๊งคอลเซนเตอร์, หนึ่งในเส้นทางของธุรกิจฟอกเงิน มีโอกาสสูงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ รัฐบาลถูกแล้วที่จะให้ความสำคัญ และเป็นเรื่องเร่งด่วน" รศ.ดร. อัทธ์ กล่าว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.tnnthailand.com/wealth/economy/210996/
https://www.facebook.com/TNNthailand/videos/804312948652200/
https://www.khmertimeskh.com/501757376/2-1b-thai-gold-exports-to-cambodia-legal-mts-says/
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
