BBC เผย 3 แนวทางอิหร่านอาจเลือกใช้เพื่อตอบโต้กลับสหรัฐฯ

ทั่วโลกยังคงจับตามองว่าอิหร่านจะตอบโต้การโจมตีของสหรัฐฯ อย่างไร หลังจากที่นาย อับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน กล่าว หลังเกิดการโจมตี ว่าตนเองไม่แน่ใจว่ายังเหลือพื้นที่ให้การทูตมากน้อยเพียงใด เขากล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ ได้ข้ามเส้นแดงครั้งใหญ่และอิหร่านมีสิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง อับบาสระบุด้วยว่ากองทัพอิหร่านอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมเต็มที่แล้ว 

สำหรับแนวทางที่หลายฝ่ายคาดว่าอิหร่านจะใช้เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ และ อิสราเอลนั้น BBC รายงานว่าอาจมีความเป็นไปได้ 3 แนวทางหลัก ๆ ดังนี้ 

ทางเลือกที่หนึ่ง อิหร่านอาจ “ไม่ทำอะไรเลย” เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสหรัฐฯ โจมตีเพิ่มเติม และอาจใช้โอกาสนี้กลับเข้าสู่เส้นทางการทูตโดยเริ่มเจรจากับสหรัฐฯ อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทางเลือกนี้อาจทำให้รัฐบาลอิหร่านถูกมองว่าอ่อนแอ 

ทางเลือกที่สอง อิหร่านอาจ “ตอบโต้ทันทีอย่างรุนแรง” เนื่องจากอิหร่านยังคงมีคลังขีปนาวุธจำนวนมากจากการผลิตและเก็บซ่อนไว้หลายปี โดยมีเป้าหมายที่เป็นฐานทัพสหรัฐฯ ราว 20 แห่งทั่วตะวันออกกลางให้เลือกโจมตี 

ทางเลือกที่สาม อิหร่านอาจ “รอจังหวะ” สำหรับการโจมตีซึ่งอาจหมายถึงในช่วงที่สถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว หรือ เป็นการโจมตีแบบไม่คาดคิดในช่วงที่ฐานทัพสหรัฐฯ ผ่อนคลายระดับการเตรียมพร้อมลง 

ซึ่งไม่ว่าอิหร่านจะเลือกใช้ในแนวทางใดนั้นแต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีอิหร่าน อิหร่านก็เลือกที่จะระดมยิงขีปนาวุธโจมตีหลายพื้นที่ในกรุงเทลอาวีฟ และในเมืองอื่น ๆ ของอิสราเอลในทันทีจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง

สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่าจากการโจมตีของอิหร่านต่ออิสราเอลในครั้งล่าสุดนี้ อิหร่านได้นำขีปนาวุธ “เคบาร์ เชกัน” (Kheibar Shekan) หรือที่รู้จักในชื่อ “คอร์รัมชาห์ร์-4” (Khorramshahr-4) มาใช้ในการโจมตี โดยที่ขีปนาวุธดังกล่าวเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางที่พัฒนาโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) และได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2022 ซึ่งอิหร่านกล่าวว่านี่คือหนึ่งในขีปนาวุธที่สามารถบรรทุกหัวรบได้หนักที่สุดในคลังแสงของอิหร่านด้วย