รีเซต

นักเศรษฐศาสตร์เผยเหตุผล ทำไมอินเดียเลิกซื้อน้ำมันจากรัสเซียไม่ได้

นักเศรษฐศาสตร์เผยเหตุผล ทำไมอินเดียเลิกซื้อน้ำมันจากรัสเซียไม่ได้
TNN ช่อง16
28 สิงหาคม 2568 ( 08:19 )
11

นักเศรษฐศาสตร์ในกรุงนิวเดลี เปิดเผยเมื่อวานนี้ (27 สิงหาคม) ว่า อินเดียไม่สามารถหยุดนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียได้ หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียสองเท่าเป็นสูงสุดถึงร้อยละ 50 ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวานนี้ ถือเป็นการยกระดับความตึงเครียดระหว่างสองประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีสถานะเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ต่อกันให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น 


ภิสวาจิต ธาร์ อดีตศาสตราจารย์จากศูนย์การศึกษาเศรษฐศาสตร์และการวางแผน มหาวิทยาลัยชวาหะร์ลาล เนห์รู กล่าวว่า น้ำมันรัสเซียมีราคาถูกกว่า และเชื่อว่าเป็นเรื่อง “ไม่สมเหตุสมผล” สำหรับอินเดียที่จะเลิกซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ กำลังส่งผลกระทบต่อการส่งออก, การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดขยายตัว และคุกคามเส้นทางการเติบโตของประเทศ


เดิมทีภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ กำหนดไว้อยู่ที่ร้อยละ 25 บังคับใช้กับสินค้านำเข้าหลายรายการจากอินเดีย แต่เนื่องจากอินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จึงลงโทษด้วยการเพิ่มภาษีขึ้นมาอีกร้อยละ 25 รวมเป็นร้อยละ 50 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย หนึ่งในเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก


กระทรวงการคลังของอินเดีย ระบุในรายงานเศรษฐกิจประจำเดือนกรกฎาคม ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า ผลกระทบทันทีจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ต่อการส่งออกของอินเดียดูเหมือนจะมีอยู่อย่างจำกัด แต่ผลกระทบในระดับรองและระดับตติยภูมิที่มีต่อเศรษฐกิจกลับเป็นความท้าทาย


รายงานระบุด้วยว่า อินเดียกำลังดำเนินกลยุทธ์การค้าหลากหลายรูปแบบเพื่อรักษาระดับการค้าของตน แต่ความริเริ่มเหล่านี้จะต้องใช้เวลา และอาจไม่สามารถชดเชยช่องว่างจากการส่งออกที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเต็มที่ หากอัตราภาษีในปัจจุบันยังคงอยู่

ส่วนผู้ค้าสินค้าเครื่องแต่งกายของอินเดียกำลังมองหาตลาดอื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าที่ทรัมป์ กำหนดใช้กับสินค้านำเข้าจากอินเดีย ซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ 


มาตรการภาษีดังกล่าว ส่งผลให้เสื้อผ้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ สูญเสียความได้เปรียบทางการแข่งขัน เมื่อเทียบกับสินค้าจากประเทศอื่น เช่น บังกลาเทศและเวียดนาม

รัคนาถ ชาร์ดา เลขาธิการตลาดสิ่งทออาโชกา ทาวเวอร์ กล่าวว่า เราจำเป็นต้องหาตลาดอื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมการค้าของเรา” 


ทั้งนี้ มาตรการภาษีร้อยละ 50 ส่งผลกระทบต่อสินค้าประเภทเสื้อผ้า, อัญมณีและเครื่องประดับ, รองเท้า, อุปกรณ์กีฬา, เฟอร์นิเจอร์ และเคมีภัณฑ์ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในอัตราภาษีที่สูงที่สุดที่สหรัฐฯ เคยกำหนด และเทียบเท่ากับอัตราที่ใช้กับบราซิลและจีน


ภาษีนำเข้าใหม่เหล่านี้กำลังคุกคามผู้ส่งออกขนาดเล็กจำนวนหลายพันรายและตำแหน่งงานจำนวนมาก รวมถึงในรัฐคุชราต ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ด้วย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง