ชาติอาหรับประณามสหรัฐฯ โจมตีอิหร่าน ในขณะที่ชาติตะวันตกเรียกร้องกลับสู่โต๊ะเจรจา

หลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางเริ่มออกมาแสดงจุดยืนพร้อมประณามสหรัฐฯ ต่อการโจมตีสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านในช่วงเข้ามืดวันนี้ (22 มิถุนายน) โดยที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของ "โอมาน" กล่าวว่าโอมานมีความ “วิตกเป็นอย่างยิ่ง” ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับเตือนว่าการกระทำของสหรัฐฯ เสี่ยงที่จะขยายวงความขัดแย้ง อีกทั้งยังเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติอย่างชัดเจนด้วย ซึ่งโอมานมีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลางเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ที่เกิดขึ้นหลายครั้งก่อนหน้านี้
ในขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศของ "กาตาร์" ระบุในแถลงการณ์ว่าการโจมตีของสหรัฐฯ ต่ออิหร่านเป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจและมีแนวโน้มจะนำไปสู่ “ผลลัพธ์ที่หายนะ” ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยที่กาตาร์ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็น “เร่งด่วน” ในการยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมด และกลับเข้าสู่แนวทางการเจรจาและช่องทางทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหานี้
ส่วน ทางการ "อิรัก" ประเทศเพื่อนบ้านของอิหร่านออกมาแสดงความวิตกกังวล พร้อมกับประณามการโจมตีของสหรัฐฯ ต่อโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน โดยระบุว่าการยกระดับทางทหารเช่นนี้เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวจากทางฝั่ง "ซาอุดีอาระเบีย" ที่ได้ออกแถลงการณ์แสดง ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ หลังจากสหรัฐฯ โจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยรัฐบาลซาอุดีอาระเบียขอให้ทุกฝ่ายต่าง “ใช้ความอดกลั้น” ซึ่งกันและกันเพื่อลดระดับความตึงเครียดและเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ พร้อมทั้งเรียกร้องประชาคมระหว่างประเทศเพิ่มความพยายามในการหาทางออกทางอย่างเร่งด่วนในสถานการณ์ที่เปราะบางเช่นนี้เพื่อยุติวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น
นอกเหนือจากชาติในตะวันออกกลางแล้ว ยังมีปฏิกิริยาจากทางฝั่งประเทศในยุโรป อาทิ นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ล่าสุด โดยกล่าวว่าสหรัฐฯ ได้ดำเนินการเพื่อลดภัยคุกคามที่ร้ายแรงจากโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ในแถลงการณ์ระบุว่าโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ อิหร่านต้องไม่สามารถพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้ และสหรัฐฯ ได้ดำเนินการเพื่อลดทอนภัยคุกคามดังกล่าว
แถลงการณ์ยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงเปราะบางอย่างยิ่ง และเสถียรภาพในภูมิภาคเป็นสิ่งสำคัญลำดับต้น อังกฤษจึงขอเรียกร้องให้อิหร่านกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา และหาทางออกทางการทูตเพื่อยุติวิกฤตครั้งนี้ เช่นเดียวกับ นางเออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ที่กล่าวว่าอิหร่านไม่ควรได้รับอนุญาตให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม และเรียกร้องให้อิหร่านกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมามีรายงานว่านายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิหร่านออกมาตอบโต้บรรดาชาติตะวันตกที่เรียกร้องให้อิหร่านกลับสู่โต๊ะเจรจา โดยกล่าวว่าอิหร่าน “ไม่เคยเดินออกจากโต๊ะเจรจา” แต่เป็นฝ่ายสหรัฐฯ และ อิสราเอลที่ทำลายกระบวนการเจรจาลง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
