พีระพันธุ์รับมือวิกฤตพลังงาน หลังอิหร่านขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ

จากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐฯ โจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทำให้รัฐสภาอิหร่านเตรียมใช้มาตรการตอบโต้ด้วยการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันดิบกว่า 20% ของความต้องการโลก ความเคลื่อนไหวนี้สร้างแรงกดดันอย่างรุนแรงต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก และอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประเทศไทยในฐานะประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมมาตรการรองรับ โดยเฉพาะในประเด็นด้านราคาและปริมาณน้ำมันสำรอง เนื่องจากประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบถึง 90% ของความต้องการใช้ภายในประเทศ และกว่า 60% มาจากตะวันออกกลางซึ่งต้องขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
โดยข้อมูลล่าสุด ประเทศไทยมีน้ำมันดิบพร้อมใช้เพียงพอ 22 วัน น้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 20 วัน และน้ำมันสำเร็จรูปอีก 18 วัน รวมทั้งหมดประมาณ 60 วัน ขณะเดียวกันได้เตรียมรับมือในกรณีที่สถานการณ์ยืดเยื้อ รวมถึงการเจรจาจัดหาน้ำมันจากแหล่งอื่นเพื่อลดความเสี่ยงด้านปริมาณ
ในด้านราคา กระทรวงพลังงานวางแผนใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยดูแลราคาขายปลีกในประเทศ ซึ่งแม้สถานะกองทุนจะติดลบกว่า 35,000 ล้านบาท แต่ยังสามารถใช้ชะลอผลกระทบต่อประชาชนในระยะสั้นได้ นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ยังระบุว่าอาจพิจารณาขอความร่วมมือจากกระทรวงการคลังเพื่อลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน หากราคาน้ำมันดิบโลกยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง
อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับการจับตาคือก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าของไทย โดยส่วนใหญ่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซเช่นกัน เพื่อรองรับความเสี่ยงด้านต้นทุนค่าไฟฟ้า นายพีระพันธุ์ได้สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หาแหล่ง LNG ราคาถูกจากภูมิภาคอื่นเพิ่มเติม เพื่อรักษาเสถียรภาพต้นทุนพลังงานในประเทศ
รองนายกฯ ย้ำว่า ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนก เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนรับมืออย่างรอบด้าน พร้อมติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา โดยขอความร่วมมือประชาชนให้ใช้พลังงานอย่างประหยัด เพื่อลดภาระต้นทุนประเทศและเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานในภาพรวม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
