VGI เจาะสินเชื่อดิจิทัล สื่อพร้อมเทิร์นอะราวด์
ทันหุ้น – VGI ชี้อัตราการใช้สื่อโฆษณาในครึ่งปีหลังของงบปี 2564/2565 กลับมาฟื้นตัวโตไม่ต่ำกว่า 40-45% รับอานิสงส์เปิดประเทศ และมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น ประเมินรายได้ทั้งปี 2564/2565 เติบโตตามเป้า เผยกลยุทธ์การร่วมทุนกลุ่มพันธมิตร และการขยายธุรกิจใหม่ทำเงิน คาดธุรกิจสินเชื่อดิจิทัลจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2564/2565
นางจิตเกษม หมู่มิ่ง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เปิดเผยว่า คาดอัตราการใช้สื่อโฆษณาในครึ่งหลังของงบปี 2564/2565 จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 40-45% ซึ่งดีขึ้นจากไตรมาส 2 ของปี 2564/2565 อยู่ที่ 30% ปัจจัยที่ทำให้อัตราการใช้สื่อโฆษณาดีขึ้น มากจากการเปิดประเทศ และมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากขึ้น และมีกิจกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น และคาดว่ารายได้งวดทั้งปี 2564/2565 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
สำหรับการดำเนินธุรกิจของ VGI หลังจากที่ได้เข้าไปลงทุนในบริษัทต่างๆ ได้วางกลยุทธ์ที่จะร่วมทำธุรกิจ (Synergy) ในส่วนของธุรกิจการให้สินเชื่อดิจิทัลนั้น จะมีผลิตภัณฑ์ 2 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อที่จะให้แก่ผู้ที่มีรายได้ประจำ ซึ่งจะเป็นสวัสดิการให้แก่พนักงาน ในส่วนนี้บริษัทได้ร่วมกับบริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) หรือ HUMAN โดยการดำเนินการขอสินเชื่อผ่านเทคโนโลยี และการอนุมัติจะดำเนินการจะผ่านระบบ IA
ส่วนอีกประเภทได้แก่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นกลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำ จะได้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยได้ร่วมกับ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการปล่อยสินเชื่อได้ประมาณไตรมาส 4 ของปี 2564/2565 และได้ตั้งเป้าหมายสินเชื่อคงค้างจะถึงระดับประมาณ 2-3 พันล้านบาท ภายในงวดปี 2565/2566 และจะเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาทในงวดปี 2566/2567
*รุกตลาดค้าปลีก
ในส่วนของธุรกิจค้าปลีก หลังจากที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในบริษัท แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าจากประเทศจีน และเป็นผู้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของตนเอง ได้แก่แบรนด์ Pando ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งด้านอีคอมเมิร์ซ ในด้านออนไลน์
นอกจากนี้ VGI ก็ยังได้เข้าไปลงทุนในบริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งด้านออฟไลน์ เพราะมีสาขาจำนวนมาก ทั้งเจมาร์ โมบาย และสาขาของซิงเกอร์ (ประเทศไทย) โดยกำลังศึกษาที่จะนำสินค้าในเครือข่ายของแฟนสลิ้งค์ จากประเทศจีน ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในไทย เช่น ผลิตภัณฑ์จากเสี่ยวหมี่ (Xiaomi) เข้ามาวางจำหน่ายในร้านเจมาร์ท โมบาย รวมถึงในร้านซิงเกอร์ (ประเทศไทย) ขณะเดียวกันก็จะพัฒนาสินค้าแบรนด์ Pando ของแฟนสลิ้งค์เอง เพื่อที่จะได้ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น รวมถึงการที่แฟนสลิ้งค์ และซิงเกอร์ (ประเทศไทย) จะใช้คลังสินค้าของ KEX ก็จะช่วยทำให้ต้นทุนต่อหน่วยดีขึ้น
นอกจากนี้ก็ยังมีแผนที่จะให้เจมาร์ท โมบายและพันธมิตร เข้ามาเปิดบูธ ในสถานีรถไฟฟ้า BTS อีกด้วย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทั้ง 2 ฝ่าย โดยในส่วนของ VGI ก็จะทำให้สถานีรถไฟฟ้ามีสินค้าที่จำหน่ายหลากหลายมากขึ้น
*ขยายพื้นที่สื่อต่อเนื่อง
ในส่วนของบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO ที่ VGI เป็นผู้ถือหุ้น ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการขายธุรกิจสื่อโฆษณาบิลบอร์ดในประเทศ ให้แก่บริษัท แพลนบี จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB แต่ MACO ก็ยังมีธุรกิจด้านป้ายโฆษณาตามแนวรถไฟฟ้าอยู่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ รวมถึงธุรกิจโฆษณาในต่างประเทศที่ร่วมกับพันธมิตร โดยได้มีการเข้าไปลงทุนในประเทศมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งรายได้จากประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซียในเดือนตุลาคมเริ่มกลับมามีทิศทางที่ดีขึ้น หลังมีการคลายล็อกดาวน์ ในส่วนที่เวียดนาม ได้ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ มีป้ายโฆษณาครอบคลุมอยู่ทั่วประเทศ
และ MACO มีแผนที่จะรุกในธุรกิจใหม่ ที่เกี่ยวกับไอซีที โดยที่ผ่านมาได้ร่วมกับบริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อรุกในธุรกิจเกม เพราะมองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ และมองว่าอนาคตจะยังมีการเติบโตอยู่ในระดับ 16% ต่อปีได้ ขณะเดียวกันหากต้องการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ก็สามารถใช้เครือข่ายของ MACO ที่มีอยู่ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนามได้
*ขยายธุรกิจใหม่ทำเงิน
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองเป็นบวกต่อการขยายธุรกิจใหม่ๆ ของ VGI ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดี รวมถึงทิศทางผลประกอบการที่มีแนวโน้มดี โดยคาดว่าผลประกอบการในงวดครึ่งปีหลังงวดปี 2564/2565 จะเริ่มพลิกฟื้นกลับมาเป็นบวก จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย การคลายล็อกดาวน์ ทำให้ผู้ประกอบการจะเริ่มกลับมาใช้งบในการโฆษณาอีกครั้งส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมสื่อโฆษณานอกบ้าน ยังคงประมาณการกำไรปี 2564/2565 ที่ 213 ล้านบาท เติบโต 15% จากงวดปีก่อน
นอกจากนี้คาดว่ากำไรในปี 2565/2566 จะอยู่ที่ 841 ล้านบาท เติบโต 296% ตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมโฆษณา ยังคงแนะนำเก็งกำไร ให้ราคาเป้าหมายที่ 8.10 บาทต่อหุ้น