บลจ.กสิกรไทยเชียร์ตราสารหนี้ ชี้เป้ากองประหยัดภาษีโค้งท้าย
#บลจ.กสิกรไทย #ทันหุ้น - บลจ.กสิกรไทย มองยังเป็นโอกาสลงทุนตราสารหนี้ ช่วงดอกเบี้ยขาลง เลือกตราสารที่ พอร์ต Duration ยาว ชูกองทุน K-ESGSI-ThaiESG รับโอกาสสร้างผลตอบแทน พร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษีโค้งสุดท้าย ปี 2567
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต CFA, รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า ตราสารหนี้เป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาลง โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่มีอายุตราสาร หรือ Duration ยาวนั้นราคาตราสารหนี้จะปรับตัวขึ้นในช่วงที่ดอกเบี้ยขาลง จึงมองว่าเป็นจังหวะ และโอกาสดีในการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ นางสาวธิดาศิริ ให้มุมมองว่า จากการประชุมของ FOMC ล่าสุดในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 Fed ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม Dot Plot ได้ส่งสัญญาณปรับลดเหลือเพียง 2 ครั้งในปี 2568 (รวม 0.50%) จากเดิมที่ส่งสัญญาณในเดือนกันยายนว่าจะมีการปรับลดถึง 4 ครั้ง (รวม 1.00%) การลดดอกเบี้ยของ Fed ในครั้งนี้ประกอบกับการปรับประมาณการเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยระยะยาวขึ้น ส่งผลให้ทั้งตลาดพันธบัตร และตลาดทุนค่อนข้างมีความกังวลหลังรับรู้ผลการประชุม
*ศก.สหรัฐไม่น่ากังวล
อย่างไรก็ตาม ทาง บลจ.กสิกรไทย มองว่าการปรับประมาณอัตราการว่างงานปี 2568 ลงและปรับ GDP ขึ้น สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ยังคงเติบโต รวมทั้งตลาดแรงงานที่ดูไม่เป็นที่กังวล ทำให้ Fed เริ่มกลับมาให้ความสนใจกับเงินเฟ้อมากขึ้นอีกครั้ง และด้วยภาพเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ยังคงเป็น Soft Landing ทำให้บลจ.กสิกรไทย ยังไม่ได้มองว่าเป็นประเด็นที่น่ากังวล
สำหรับทางฝั่งของประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ต่อปี หลังจากที่ปรับลดไปเมื่อการประชุมเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา โดย บลจ.กสิกรไทย ยังคงมุมมองดอกเบี้ยในประเทศได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยมองว่า ธปท. มีโอกาสปรับดอกเบี้ยลดลงต่อเนื่อง 1-2 ครั้งในปี 2568 ซึ่งไปทิศทางเดียวกับที่ตลาดคาดการณ์ แต่อาจจะเกิดขึ้นไม่เร็วนักหรือในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพัฒนาการตัวเลขเศรษฐกิจและคุณภาพสินเชื่อ
แม้ว่าตลาดจะกังวลต่อนโยบายของทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบายลดภาษีรายได้ และการขึ้นภาษีนำเข้า ซึ่งจะทำให้เงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวลงได้ช้ากว่าเดิม อย่างไรก็ดีคาดว่าเงินเฟ้อไทยในระยะข้างหน้าจะได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างจำกัดจากสหรัฐ เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากด้านอุปทานส่วนเกินจากจีนที่ไม่ได้ส่งออกไปยังสหรัฐ รวมถึงราคาน้ำมันโลกที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ
ด้านปัจจัยในประเทศยังคงสนับสนุนตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากนโยบายการเงินไทยอยู่ในฝั่งผ่อนคลาย เช่นเดียวกับนโยบายการเงินในหลายประเทศทั่วโลก ยังมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบายได้อีกในระยะข้างหน้าเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะที่แผนการออกพันธบัตรรัฐบาลไทยยังคงมีความสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
โดยสรุป การลงทุนในตราสารหนี้ไทยยังคงมีความน่าสนใจ โดยคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในระยะข้างหน้าอาจทยอยปรับตัวลงได้อีกจากระดับปัจจุบัน แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในปัจจุบันจะปรับลดลงมาระดับหนึ่ง ระดับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10-15 ปีที่ 2.25-2.50% ยังคงน่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยงและสามารถถือครองในระยะยาวได้
* ชูK-ESGSI-ThaiESG
สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในกองทุน ThaiESG ที่ระดับความเสี่ยงและความผันผวนที่ต่ำ กองทุนประเภทตราสารหนี้เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ โดยทาง บลจ.กสิกรไทยมีกองทุน ThaiESG ประเภทที่เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐไทย คือกองทุนเปิดเค ตราสารภาครัฐ ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน (K-ESGSI-ThaiESG)โดยปัจจุบันมีขนาดกองทุนที่ 3,061.59 ล้านบาท (ณ 26 ธ.ค. 2567)
กองทุนเปิดเค ตราสารภาครัฐ ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน (K-ESGSI-ThaiESG) มีนโยบายการลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืนภาครัฐของไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 โดยสามารถลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน ได้แก่ พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability – Linked Bond)
ตราสารหนี้ภาครัฐของไทย ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย และลงทุนบางส่วนในตราสารหนี้ เงินฝาก และตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผู้ระดมทุนมีทั้งที่เป็นภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับโครงการต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
*พอร์ต Duration ยาว
จุดเด่นกองทุนเปิดเค ตราสารภาครัฐ ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน (K-ESGSI-ThaiESG) มีพอร์ต Duration ที่ค่อนข้างยาวซึ่งได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับลดลง (ราคาตราสารปรับตัวขึ้น) โดย Duration เฉลี่ยของพอร์ตลงทุน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 10 ปี 3 เดือน
มีนโยบายการลงทุนยืดหยุ่นซึ่งสามารถพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์อื่นเพื่อเสริมสภาพคล่องและประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตได้ไม่เกิน 20% ของ NAV โดยทีมผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์ในการบริหารกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งเป็นการบริหารแบบ Active และมีพอร์ต Duration ยาว โดยค่าธรรมเนียมการจัดการอยู่ในระดับต่ำที่ 0.2140% โดยค่าใช้จ่ายรวมของกองทุนทั้งหมดในปัจจุบันอยู่ที่ 0.2729%