รีเซต

BPP "หยวนต้า"มองหลังประกาศขายโรงไฟฟ้าถ่านหินในญี่ปุ่น

BPP "หยวนต้า"มองหลังประกาศขายโรงไฟฟ้าถ่านหินในญี่ปุ่น
ทันหุ้น
30 ธันวาคม 2567 ( 12:08 )
14

#BPP #ทันหุ้น-บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP หลังจากที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าบริษัท BanpuPower Investment Co., Ltd (BPIC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้เสร็จสิ้นการจำหน่ายหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน Nakoso IGCC ขนาด 73MWe (ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 13%) ด้วยมูลค่าตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 1,186 ล้านบาทนั้น 

 

ฝ่ายวิจัยหยวนต้า ระบุว่า BPP ให้ข้อมูลว่าการจำหน่ายหุ้นของโรงไฟฟ้าดังกล่าว มีสาเหตุหลักมาจาก 1. แผนการดำเนินงานระยะยาวของบริษัทที่ต้องการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนและมุ่งหน้าสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ และ 2. ปัจจุบันค่าเงินเยนที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้บริษัทได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการดังกล่าวน้อยกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า

 

ทั้งนี้ในระยะสั้นบริษัทจะนำเงินสดที่ได้รับจากการขายโครงการดังกล่าวไปลดหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และในระยะยาวคาดมีการลงทุนในโครงการใหม่ในสหรัฐเพิ่มเติม เพื่อชดเชยกระแสเงินสดที่ขายหายไปจากการขายโครงการ 

 

**คาดขาดทุนขายโรงไฟฟ้าราว 1,500 ลบ.

 

ส่วนราคาขายที่ 1,186 ล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าเงินลงทุนที่บริษัทใช้เข้าลงทุนในปี 2564 มากทำให้คาดบริษัทมีการบันทึกรายการขาดทุนพิเศษจากธุรกรรมดังกล่าวราว 1,500 ล้านบาทบวกลบ ในช่วงไตรมาส 4/67 และจากการประเมินเบื้องต้น คาดการขายโครงการดังกล่าวจะส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมของ BPP ลดลงปีละราว 150-200 ล้านบาท หรือคิดเป็นผลกระทบต่อราคาหุ้นเหมาะสมที่ราว 0.10-0.25 บาทต่อหุ้น 

 

**คาดฉุดงบ Q4/67 ร่วง

 

ฝ่ายวิจัยหยวนต้า ระบุว่าในเบื้องต้นคาดว่ากำไรปกติงวดไตรมาส 4/67 ของ BPP จะอยู่ที่ราว 400-500 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หรือ QoQ ตามปัจจจัยฤดูกาล และการปิดซ่อมบำรุงประจำปีของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาที่คาดลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงหน่วยการผลิตไฟฟ้าที่ 1 และ 2 แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ YoY กำไรปกติสามารถฟื้นตัวได้จากฐานที่ต่ำในปีก่อน ตามต้นทุนถ่านหินจีนที่ปรับตัวลดลง 

 

ทั้งนี้หากรวมผลขาดทุนพิเศษจากการขายโครงการ Nakoso คาดบริษัทจะขาดทุนสุทธิในงวดไตรมาส 4/67 ที่ราว 800-1,000 ล้านบาท 

 

กลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะนำเก็งกำไร ให้ราคาเหมาะสมปี 2568 ที่ 12.20 บาท มองว่าหุ้นยังมีโอกาสถูกกดดันจากผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่ไม่เด่นและผลขาดทุนจากการขายโครงการในญี่ปุ่นในระยะสั้นและกลาง 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง