โลกได้อะไรจากการเจรจาของ “ทรัมป์” และ “เจ้าชายซาอุฯ”

◾️◾️◾️
🔴 1. “การเจรจาที่ดี” เรื่องความสัมพันธ์ซาอุฯ–อิสราเอล
ทรัมป์กล่าวหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่าอยากให้ซาอุดีอาระเบียเข้าร่วม ข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accords) ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือที่ทำให้อิสราเอลสถาปนาความสัมพันธ์กับหลายประเทศอาหรับ
เจ้าชายโมฮัมเหม็ดแสดงท่าทีเปิดกว้าง แต่เน้นย้ำเงื่อนไขสำคัญคือ ความคืบหน้าในแนวทางสองรัฐ (Two-State Solution) เพื่อให้เกิดรัฐปาเลสไตน์ โดยต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศในตะวันออกกลาง และอยากเป็นส่วนหนึ่งของ Abraham Accords แต่เราต้องการเส้นทางที่ชัดเจนสู่การแก้ปัญหาสองรัฐ พร้อมย้ำว่า กรอบเจรจาต้องสอดคล้องกับ Arab Peace Initiative ที่กำหนดให้มีรัฐปาเลสไตน์ก่อนการยอมรับอิสราเอล
◾️◾️◾️
🔴 2. สหรัฐฯ มอบสถานะ “พันธมิตรนอกนาโตระดับสำคัญ” ให้ซาอุดีอาระเบีย
ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯ จะมอบสถานะ “Major Non-NATO Ally” หรือ “พันธมิตรนอกนาโตระดับสำคัญ” ให้ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำให้ซาอุดีอาระเบียสามารถเข้าถึงอาวุธและความร่วมมือทางทหารสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม
ซาอุดีอาระเบียจะเข้าร่วมกับ 19 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้ เช่น ญี่ปุ่น อิสราเอล บาห์เรน กาตาร์ เกาหลีใต้ เป็นต้น
ทำเนียบขาวยังประกาศข้อตกลงกลาโหมใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และซาอุดีอาระเบีย แม้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่ระบุว่าจะมีเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจากซาอุดีอาระเบีย เพื่อแบ่งเบาภาระของสหรัฐฯ และยืนยันว่าบทบาทสหรัฐฯ จะเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์หลักของซาอุดีอาระเบีย โดยเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียเพิ่งลงนามข้อตกลงป้องกันร่วมกับปากีสถาน หลังเหตุอิสราเอลโจมตีกาตาร์ ทำให้ภูมิภาคมีความกังวลว่าสหรัฐฯ จะยังเป็นพันธมิตรเชื่อถือได้หรือไม่
ทรัมป์ยังยืนยันว่าเขาจะอนุมัติให้ซาอุดีอาระเบียซื้อเครื่องบินรบ F-35 โดยย้ำว่าจะไม่ลดสเปกเพื่อคงความเหนือกว่าทางทหารของอิสราเอลตามนโยบายเดิมของสหรัฐฯ แต่ทรัมป์ชี้ว่าในมุมมองเขา ทั้งอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย เป็นพันธมิตรที่ดีของสหรัฐฯ และสมควรได้รับอาวุธระดับสูงสุดทั้งคู่
◾️◾️◾️
🔴 3. ทรัมป์ชี้อิหร่านอยากทำข้อตกลง ด้านซาอุดีอาระเบียพร้อมสนับสนุน
ทรัมป์กล่าวอย่างภาคภูมิใจถึงการโจมตีโครงสร้างนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยย้ำถึงความเหนือกว่าของกองทัพสหรัฐฯ จากนั้นก็ลดโทนแข็งกร้าว พร้อมส่งสัญญาณว่าอิหร่านต้องการทำข้อตกลงทางการทูต โดยทรัมป์บอกว่า สหรัฐฯ เปิดรับทั้งหมด
ขณะที่สื่อมวลชนของซาอุดีอาระเบีย รายงานก่อนหน้านี้ว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ดได้รับจดหมายลายมือจากประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน ของอิหร่าน ด้านเจ้าชายโมฮัมเหม็ด กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียพร้อมช่วยให้เกิดข้อตกลงสหรัฐฯ และอิหร่าน
◾️◾️◾️
🔴 4. การลงทุนมูลค่ามหาศาลอาจสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์
ทรัมป์กล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ซาอุดีอาระเบียตกลงจะลงทุนในสหรัฐฯ 6 แสนล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 19.4 ล้านล้านบาท และแซวว่าอาจเพิ่มถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 32.4 ล้านล้านบาท เพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดี
ด้านเจ้าชายโมฮัมเหม็ดตอบว่า เชื่อว่าการลงทุนจะเพิ่มไปถึงระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์จริง โดยครอบคลุมเทคโนโลยี AI แร่หายาก วัสดุแม่เหล็ก และนวัตกรรมล้ำสมัยอื่น ๆ
นอกจากนี้ เจ้าชายเสริมว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ร้อนแรงที่สุด สำหรับการลงทุน และซาอุดีอาระเบียต้องการเป็นส่วนหนึ่งของรากฐานเทคโนโลยีแห่งอนาคตของสหรัฐฯ
◾️◾️◾️
🔴 5. คำชมรัว ๆ ของทรัมป์ และเหตุการณ์ตึงเครียดกับนักข่าว
ทรัมป์และเจ้าชายโมฮัมเหม็ดมีสีหน้ายิ้มแย้มตลอดการกล่าวแถลงข่าว โดยทรัมป์เรียกเจ้าชายโมฮัมเหม็ดว่า “ยอดเยี่ยม” “ฉลาดมาก” และเป็น “เพื่อนที่ดีมานาน” พร้อมยกย่องว่าเจ้าชายทำผลงาน “น่าทึ่งในด้านสิทธิมนุษยชน”
หนึ่งในช่วงที่ถูกพูดถึงมากคือ ทรัมป์จับมือเจ้าชายโมฮัมเหม็ดแล้วพูดเปรียบเทียบกับการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยให้เพียง “กำปั้นชนกัน” ตอนเยือนซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2021 ในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาด
ทรัมป์กล่าวว่า “ผมจับมือนั้นแหละ ไม่สนใจหรอกว่ามือคนนั้นไปอยู่ที่ไหนมาก่อน”
ระหว่างการตอบคำถาม ผู้สื่อข่าว ABC News ถามเจ้าชายโมฮัมเหม็ดด้วยน้ำเสียงท้าทาย ทำให้ทรัมป์ต่อว่าเธอว่าขาดความเคารพ ต่อมาผู้สื่อข่าวคนเดิมถามทรัมป์เกี่ยวกับเหตุผลที่ไม่เปิดเผยเอกสารคดีเจฟฟรีย์ เอปสตีน ทรัมป์ตอบว่า “คุณเป็นนักข่าวที่แย่มาก” และกล่าวว่าใบอนุญาตออกอากาศของ ABC ควรถูกเพิกถอน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
