ซิตี้แบงก์ย้ำกระจายลงทุน ท่องเที่ยวฟื้นหนุนหุ้นไทย
#ซิตี้แบงก์ #ทันหุ้น ซิตี้แบงก์ มองหุ้นไทยรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น ภาครัฐหนุนเต็มกำลัง จากโครงการ "Test & Go"และ Sandbox ขณะที่ ส่งออกขยายตัวต่อเนื่องจากคู่ค้าที่กลับมาโตหลังวิกฤติโควิด-19 ผ่านพ้น หนุนเศรษฐกิจไทยเติบโต ซึ่งทำใหม่มีมุมมองบวกมากขึ้นในการลงทุนหุ้นไทย แต่พอร์ตรวมยังคงแนะกระจายลงทุน
นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ทางซิตี้มีมุมมองบวกต่อหุ้นไทยมากขึ้นในปี 2565 หลังประเมินภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน รวมถึงการออกนโยบายต่างๆสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ แต่กระนั้นซิตี้ก็มองว่าการจัดพอร์ตแบบกระจายสินทรัพย์ และลงทุนในภูมิภาคต่างๆจะรับมือกับสถานการณ์ตลาดผันผวนได้ดีกว่าการลงทุนแบบกระจุกตัว
“หุ้นไทยเป็นหนึ่งตลาดเอเชียที่เรายังคงแนะนำลงทุน แต่เราจะแนะนำลูกค้าในการกระจายลงทุนไปยังประเทศอื่นๆในเอเชียด้วย เพื่อรับโอกาส รวมถึงลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดทุนในปีนี้ภายใต้นโยบายการเข้มงวดด้านการเงินของหลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรป และสหรัฐ”
ท่องเที่ยวกำลังกลับมา
นายดอน กล่าวต่อไปว่า ซีตี้มองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ราว 3.6% ซึ่งดีกว่าปี 2564 ที่ขยายตัว 1% จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่านโครงการ "Test & Go" และการขยายพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวในโครงการ Sandbox เพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยราว 5 ล้านคน คิดเป็น 12.5%ของจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดังนั้นแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะยังฟื้นไม่เต็มที่ แต่ก็สะท้อนทิศทางการเติบโตที่ดีทางเศรษฐกิจและหนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
แม้ซิตี้จะไม่ได้ระบุถึงกลุ่มอุตสาหกรรม และหุ้นน่าสนใจเป็นเฉพาะเจาะจง แต่หากติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจไทยก็จะเห็นอุตสาหกรรมที่เป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คือ ภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยว ซึ่งซิตี้ ชี้ว่าภาคส่งออกของไทยกลับมาเติบโตชัดเจนหลังประเทศคู่ค้าฟื้นตัวได้ดีหลังวิกฤตโควิด-19
อย่างไรก็ตาม โควิด-19 แม้จะไม่รุนแรง และอัตราการเสียชีวิตลดลง แต่ก็เป็นปัจจัยที่ซิตี้ยังคงติดตามต่อเนื่อง เพื่อนำมาวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ลงทุนในระยะถัดไป เพราะนักลงทุนยังมีความกังวลกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19
ส่วนปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อของไทยซิตี้ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อนของไทยปี 65 อยู่ระดับ 1.8% ซึ่งไม่ได้เร่งตัวเหมือนสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้ประเมินว่าทั้งปี 2565 ไทยจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโนบายตามธนาคารกลางสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่สินค้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งซิตี้มองว่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น อีกทั้งภาคการบริโภคของไทยยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ จากแรงงานบางส่วนที่ยังไม่ได้กลับเข้ามาในระบบ เพราะเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ปัจจัยเหล่านี้จึงยังไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อเร่งตัว
3ธีมสร้างพอร์ตลงทุนยาว
นาย เคน เพ็ง นักยุทธศาสตร์การลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิกฟิก ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวว่า แม้ว่าภาพรวมการลงทุนยังคงเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง แต่นักวิเคราะห์ซิตี้มีมุมมองบวกต่อหุ้นวัฏจักรในอุตสาหกรรมที่ได้ผลประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงเล็งเห็นโอกาส โดยเน้นที่การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน และใช้ตลาดทุนเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการถือครองเงินสดหรือตราสารหนี้ ดังนั้นแนะนำกระจายการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย โดยกลยุทธ์การลงทุนในปี 2565 สามารถแบ่งเป็น 3 ธีมการลงทุนด้วยกัน ประกอบด้วย
ธีม Long term leaders – เปลี่ยนการลงทุนระยะสั้นเป็นการลงทุนในกลุ่มผู้นำระยะยาว แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะมีอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่พบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีและสม่ำเสมอมากที่สุด คือ กลุ่มไอทีเทคโนโลยี กลุ่มการดูแลสุขภาพ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
ธีม Beat the cash thief! – เอาชนะการถือเงินสดด้วยการลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนดี เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบทำให้หลายบริษัทต้องมีการจัดการภาระหนี้สินเป็นจำนวนมาก คาดว่ากลุ่มตราสารหนี้ที่น่าจะให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าคือ ตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่เอเชีย ตราสารหนี้ไฮยีลด์ พันธบัตรสหรัฐอเมริกา
ธีมUnstoppable trends – เทรนด์การลงทุนที่ยังมาแรงคือกลุ่มพลังงานสะอาด รวมถึงความพยายามในการลดต้นทุนอันเห็นได้จากภาครัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำให้โลกเป็นสีเขียว (greening the world) รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยี และเทคโนโลยีดิจิทัลไลเซชันของทั้งบริษัทสหรัฐฯ หรือจีนที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ตลอดจนกลุ่มการดูแลสุขภาพที่พบว่ามนุษยชาติจะมีอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น