PQSส่องดีมานด์แป้งมันพุ่ง รับทรัพย์ราคาขายดันยอด
PQS รับวัตถุดิบมันสำปะหลังในตลาดขาดแคลนหลังเกษตรกรเผชิญภัยแล้ง-โรคใบด่าง กดเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งมันลดลง ดันราคาจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4/2566 ทั้งในและต่างประเทศทะยานแตะ 18.60 บาทต่อกก. และ 575 ดอลลาร์ต่อตัน สะท้อนต่อรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบในช่วงครึ่งหลังปีมองบริหารจัดการได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับครึ่งแรกปี
นายสมยศ ชาญจึงถาวร รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังชั้นนำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า ความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังทั้งในประเทศและต่างประเทศปัจจุบันยังคงมีอยู่มากสวนทางกับซัพพลายที่ขาดแคลน ทำให้มองว่าราคาขายเฉลี่ยในช่วงไตรมาส 3/2566 จะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับที่สูงได้ต่อไป สะท้อนต่อแนวโน้มปริมาณการขายและรายได้ในช่วงดังกล่าวที่มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง
*ราคาแป้งมันพุ่ง
และเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยังส่งผลต่อเนื่องมายังไตรมาส 4/2566 อีกด้วย ทำให้คาดว่าราคาจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังในช่วงที่เหลือของปี 2566 นี้ ยังคงทรงตัวในระดับที่สูงเช่นนี้ต่อไป โดยประเมินกรอบราคาส่งออกไว้ที่ระดับไม่น้อยกว่า 570-575 ดอลลาร์ต่อตัน และราคาจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ะดับเฉลี่ยประมาณ 18.40-18.60 บาทต่อกิโลกรัม ตามผลกระทบการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เอลนีโญ รวมถึงโรคใบด่างที่ส่งผลให้การเพาะปลูกและผลผลิตมันสำปะหลังที่ออกมาสู่ตลาดมีปริมาณที่ลดลง
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ด้วยการขยายพื้นที่การรับซื้อผลผลิตมันสำปะหลังออกไปยังจังหวัดใกล้เคียงเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับต่อความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังที่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ดีบริษัทมองว่าปริมาณการจำหน่ายในปี 2566 นี้ คาดว่าจะรักษาระดับอัตราการเติบโตได้ใกล้เคียงเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตที่มีอยู่อย่างจำกัด
ปัจจุบันมีสัดส่วนการส่งออกเป็นส่วนใหญ่กว่า 70% อีก 30% เป็นการจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่งตลาดหลักถูกส่งออกไปยังจีน อาทิ มณฑลกวางตุ้น เซี่ยงไฮ้ และฉิงเต่า เป็นต้น คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90-95% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด แม้ว่าที่ผ่านมาประเทศจีนกำลังเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ แต่ในแง่ของการอุปโภคและบริโภคยังคงมีแนวโน้มการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่าการค้าขายกับตลาดหลักยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี
*เร่งโรงงานใหม่
โดยจุดเด่นของบริษัท คือ การสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ ได้แก่ การผลิตแป้งมันสำปะหลังเกรดพรีเมียม รวมถึงบริษัทมีการขายแป้งมันสำปะหลังที่มีคุณภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด ส่วนแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังในจังหวัดใหม่เพิ่มเติมอีก จำนวน 1 แห่ง ที่มีขนาดกำลังการผลิต 120,000 ตันต่อปี เพื่อขยายกำลังการผลิตรวมให้เพิ่มเป็นมากกว่า 360,000 ตันต่อปี คาดทยอยแล้วเสร็จปลายปี 2566 และมาสนับสนุนปริมาณการจำหน่ายในปี 2567 ให้โตขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตและจำหน่าย แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลัง (Tapioca) เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหัวมันสำปะหลัง 2. การผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (Biogas) สำหรับสัดส่วนการผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 98-99% และ 1-2% ตามลำดับ
"เรามองปริมาณการจำหน่ายในช่วงไตรมาส 4/2566 จะดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2566 แต่จะทรงตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ในส่วนออเดอร์จจากคู่ค้าในจีนยังคงเป็นไปตามปกติ ความต้องการใช้แป้งมันสำปะหลังยังคงมีอยู่ เพียงแต่ปริมาณการจำหน่ายอาจทำไม่ได้สูงนักเพราะวัตถุดิบมันสำปะหลังที่มีอยู่อย่างจำกัด และเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งมันลดลง ขณะที่ราคารับซื้อในช่วงครึ่งหลังปีมองในกรอบประมาณ 3 บาท เรายังบริหารจัดการได้ดีกว่า เพราะครึ่งแรกปีต้นทุนวัตถุดิบปรับขึ้นไปสูงถึง 4 บาทกว่า" นายสมยศ กล่าว