FSMART แตกไลน์ธุรกิจ กูรูส่องกำไรทะยาน 45%

#FSAMART #ทันหุ้น - FSMART ผุด บ.ย่อย “ฟอร์ท สมาร์ท เมอร์แชนไดซ์” แตกไลน์ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เสริมแกร่ง คาดเริ่มรับทรัพย์ไตรมาส 4 นี้ แย้มครึ่งหลังฟอร์มหรู อานิสงส์ธุรกิจทุกกลุ่มสดใส ฟากโบรกเคาะกำไรปีนี้แตะ 624 ล้านบาท เติบโต 45% เป้า 13 บาท
นายณรงค์ศักดิ์ เลิศทรัพย์ทวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ FSMART เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทได้มีการขยายไลน์ธุรกิจใหม่เพิ่มเติม โดยได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ “ฟอร์ท สมาร์ท เมอร์แชนไดซ์ จำกัด” เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายในจัดหาและจำหน่าย เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ หรือสินค้าอื่นๆ (กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์) เพื่อขยายช่องทางสร้างรายได้ให้กว้างขึ้น จากเดิมที่รายได้หลักๆ มาจากกลุ่มธุรกิจ “ตู้บุญเติม”
@ ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ บริษัทย่อยแห่งใหม่ดังกล่าวมีทุนจดทะเบียนประมาณ 100 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนผ่านทางบริษัทในเครือ คือ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท แคปปิตอล จำกัด (FSMART ถือหุ้นสัดส่วน 99.99%) โดยคาดกระบวนจัดตั้งจะแล้วเสร็จและเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 4/2568 ตลอดจนในระยะยาวยังจะกลายเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้ให้กับบริษัทในอนาคตต่อไป
ขณะที่แนวโน้มธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังปี 2568 ทาง FSMART คาดเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก เพราะภาพรวมธุรกิจในกลุ่มต่างๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี รวมทั้งบริษัทยังสามารถบริหารจัดการเกี่ยวกับต้นทุนด้านต่างๆ ได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับทิศทางผลประกอบการปี 2568 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้เติบโตราว 10-15% เมื่อเทียบกับปี 2568 ผลมาจากฐานธุรกิจต่างๆ ทั้ง ตู้บุญเติม, เวนดิ้งแมชชีน ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ฐานลูกค้าและรายได้ในส่วนต่างๆ ของบริษัทเติบโตมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ “ตู้บุญเติม” อยู่ที่ประมาณ 70% และที่เหลือมาจากส่วนอื่นๆ
** เคาะเป้า 13 บ.
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น FSMART เนื่องจากมอง Valuation ของหุ้นไม่แพง โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์อย่างระมัดระวังจะได้กำไรต่อหุ้นปีหน้า 1 บาทต่อหุ้น (บน P/E Ratio ปัจจุบันยังถูกเพียง 9 เท่า และแนวโน้มทุกธุรกิจมีการเติบโตต่อเนื่อง
โดยนักวิเคราะห์คาดกำไรปี 2568 ที่ 624 ล้านบาท เติบโต 45% จากปีก่อน และน่าจะได้เห็นกำไรปกติขยายตัวต่อเนื่องอีก 21% ในปี 2569 เพราะมองธุรกิจเดิมทรงตัวได้ ธุรกิจเติมเงินที่ชะลอตัวลงถูกชดเชยด้วยการเพิ่มบริการใหม่ และธุรกิจปล่อยสินเชื่อทำยอดสินเชื่อรวมได้ที่ระดับ 2.0 พันล้านบาทในปี 2568 และ 3.0 พันล้านบาทในปี 2569 โดย Asset Yield อยู่ที่ 18.5% Funding Cost ที่ 3.5% และคุม NPL ได้ที่ระดับ 4-5%
ขณะเดียวกันธุรกิจสินเชื่อของ FSMART เริ่มมียอดสินเชื่อรวม (Gross Loan) ที่ระดับ 250 ล้านบาทในปี 2565 จากนั้นเติบโตขึ้นเป็น 354 ล้านบาทในปี 2566 และเร่งตัวอย่างมีนัยสำคัญเป็น 1,189 ล้านบาท ในปี 2567 (จากการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่ม อสม.) ขณะที่ครึ่งแรกปีนี้ยอดรวมของสินเชื่ออยู่ที่ 1.5 พันล้านบาทแล้ว บริษัทตั้งเป้าหมายที่ระดับ 2.0 พันล้านบาทภายในปี 2568 และตั้งเป้ากว่า 1.0 หมื่นล้านบาทใน 3-5 ปีจากนี้
** ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้น
รายได้ดอกเบี้ยรับของ FSMART ปรับเพิ่มขึ้นจาก 25 ล้านบาทในปี 2565 ขึ้นเป็น 38 ล้านบาทในปี 2566 จากนั้นเร่งตัวแตะระดับ 135 ล้านบาทในปี 2567 ขณะที่ดอกเบี้ยรับในครึ่งแรกปี 2568 ทำได้ 150 ล้านบาท เติบโต 335% จากช่วงเดียวกันปีก่อ น โดยปกติรายได้ดอกเบี้ยรับจะเติบโตตามขนาดของสินเชื่อภายใต้การบริหาร
อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายวิเคราะห์คาดธุรกิจปล่อยสินเชื่อของ FSMART จะมี Asset Yield เฉลี่ยอยู่ที่ราว 18.5% ต่อปี บน NPL Ratio ที่ราว 3-5% โดยเรามองว่าการเพิ่มขึ้นของ NPL จะไม่น่ากังวล เพราะ FSMART หักชำระค่างวดผ่านบัญชีเงินเดือนโดยตรงและลูกค้าส่วนใหญ่มีแหล่งรายได้ประจำ ทำให้การประเมินมูลค่าเบื้องต้น ในกรณีที่ธุรกิจสินเชื่อเติบโตได้ตามคาดหวัง และให้มูลค่าเหมาะสมของ FSMART ณ สิ้นปี 2569 ที่ 13.00 บาทต่อหุ้น อิงกำไรต่อหุ้นปี 2569 ที่ระดับ 1.00 บาทต่อหุ้น และ PER Multiplier ที่ระดับ 13 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่เชื่อว่าเหมาะสมและสะท้อนการเติบโตระยะยาวของบริษัท
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
