รีเซต

TURBO เก่งสินเชื่อรายย่อย  โชว์พอร์ตทะลุ 1.1 หมื่นล.

TURBO เก่งสินเชื่อรายย่อย  โชว์พอร์ตทะลุ 1.1 หมื่นล.
ทันหุ้น
30 กันยายน 2568 ( 00:50 )
11

นายสุธัช  เรืองสุทธิภาพ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO เปิดเผยว่า บริษัทมองเห็นโอกาสธุรกิจจากการเติมเต็มช่องว่างของการให้บริการทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ ด้วยการเสนอสินเชื่อที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการเน้นการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว เข้าถึงได้ทุกวัน พร้อมใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการอนุมัติสินเชื่อและบริหารความเสี่ยง ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานในระยะยาว

                โดยเงินระดมทุนครั้งนี้จะใช้ขยายธุรกิจทางการเงินเป็นหลัก รวมถึงชำระคืนเงินกู้ธนาคารพาณิชย์และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่มีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องอีกปีละประมาณ 100 สาขา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีสาขาทั้งสิ้น 996 แห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่ 54 จังหวัดทั่วประเทศ

               สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนแรก 2568 บริษัทมีกําไรสุทธิที่ 235.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) จากกลยุทธ์การบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ควบคู่ไปกับการ บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งสะท้อนจากค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นจาก การพัฒนากระบวนการพิจารณาสินเชื่อให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น และการมุ่งเน้นกระบวนการติดตามหนี้ ส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง

โดยมีรายได้รวมเติบโต 3.7% YoY มาอยู่ที่ 1,517.6  ล้านบาท จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 6.9% เป็น 1,324.0 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 11,262 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยน 31.5%

นายสรวิศ ไกรฤกษ์ รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ และสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ยินดีต้อนรับ “TURBO” เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ นับเป็นก้าวสำคัญที่ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนเพื่อนำไปขยายกิจการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่บริษัทและเพิ่มโอกาสให้กลุ่มลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

                TURBO มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 1,335 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 537 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 1.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนจากหุ้นใหม่ 671.67 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO ที่ 4,005 ล้านบาท มีธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึง TURBO คาดกำไรสุทธิปี 2568 อยู่ที่ 525 ล้านบาท เพิ่มจาก 142 ล้านบาทในปี 2567 หนุนด้วย Credit Cost และ Cost to Income Ratio มีพัฒนาการ รวมถึงรายได้เติบโต ขณะที่คาดอัตราการเติบโตของกำไรปี 2569-2570 เฉลี่ยอยู่ที่ 22% จากสินเชื่อเพิ่มและการบริหารค่าใช้จ่าย หนุน ROE ที่ 16% ดีกว่ากลุ่มที่โต 10% -11% และมี ROE 15%

ฝ่ายวิจัย ให้ราคาพื้นฐานปี 2569 อยู่ที่ 2.30 บาท มองว่า TURBO มีจุดเด่น จากแนวโน้มการเติบโตและ ROE ดีกว่ากลุ่ม อีกทั้งรับประโยชน์จากวงจรดอกเบี้ยขาลงเร็วกว่ากลุ่ม เนื่องจากใช้เงินกู้ยืมจากธนาคารเป็นหลัก นอกจากนี้ประเมินว่า NPL ผ่านจุดเลวร้ายสุดไปแล้วช่วยให้การจัดการ Credit Cost มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยรวมถือเป็นอีก 1 ตัวเลือก ในธีมดอกเบี้ยขาลง

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า TURBO ใช้เวลาไม่นานในการก้าวเข้าสู่ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนซึ่งท้าทายจากคู่แข่งเดิมที่แข็งแกร่ง ด้วยจุดแข็งของผู้ถือหุ้น กลยุทธ์ธุรกิจที่แตกต่าง และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยใน 1-2 ปี ที่ผ่านมา TURBO ใช้เวลากับการปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยง เมื่อรวมกับการเข้าจดทะเบียนใน SET ทำให้มองว่า TURBO พร้อมแล้วที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดใน 2-3 ปี ข้างหน้า

ขณะที่ คาดการณ์กำไรปี 2568-2570 ของ TURBO เติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ซึ่งมีปัจจัยหนุนโดยสินเชื่อเติบโต NIM เพิ่มขึ้น และ Credit Cost ที่ลดลง ซึ่งประเมินราคาเป้าหมายหุ้น TURBO อยู่ที่ 2.20 บาท FY69F P/B 1.33x ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดว่า TURBO จะสามารถสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพได้ จากทั้งธุรกิจจำนำทะเบียนรถ และนายหน้าประกันภัย คาด TURBO จะพลิกฟื้นผลประกอบการจากกำไรสุทธิในปี 2567 ที่ 142 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 462 ล้านบาทในปี 2568 และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปี 2569-2570 อยู่ที่ 666 ล้านบาท และ 853 ล้านบาท ตามลำดับ

  โดยมีปัจจัยหนุนจากการลดลงของ Credit Cost และ NPL Ratio การควบคุมต้นทุนในการขยายสาขาใหม่และผลจากการลงทุนด้าน IT การเติบโตของสินเชื่อ CAGR ราว 12.3% ซึ่งฝ่ายวิจัยคาด ROE จะกลับมาอยู่ในช่วง 14-18% สำหรับปี 2568-2570 โดยประเมินราคาเหมาะสมปี 2569 อยู่ที่ 2.10 บาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง