แรบบิทไลฟ์Q4รุกหนักดันเบี้ยเข้าเป้า2.6พันล.

#Rabbit Life #ทันหุ้น แรบบิทไฟล์โชว์ผลงานสุดแกร่ง 8 เดือน เบี้ยรับรวม-เบี้ยปีแรกเติบโตต่อเนื่อง พร้อมเดินเกมรุกไตรมาส 4 ฤดูกาลลดหย่อนภาษี เตรียมพร้อมแบบประกันสะสมทรัพย์-บำนาญจัดแคมเปญ หนุนเบี้ยรับรวมเข้าเป้า 2,600 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ปักธงปี 2569 โตอีก 15% เบี้ยรับรวม แตะ 3,000 ล้านบาท

นายกรณ์  ชินสวนานนท์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life กล่าวว่า ปี 2568 เป็นอีกปีที่บริษัทยังสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแบบประกันสุขภาพ (Health Insurance)  ประกันตลอดชีพ (Whole Life) และประกันบำนาญ (Annuity) สะท้อนจากตัวเลข 8 เดือนแรกที่เบี้ยประกันภัยรับรวม (Total Premium) อยู่ที่ 1,923.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP : First Year Premium) อยู่ที่ 1,502.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% ผลกำไรของบริษัทอยู่ที่ 355.60 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR Ratio) อยู่ที่ 213%สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของบริษัท

*ปี 69 เบี้ยแตะ 3,000 ล้านบ.

“เราดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ แรบบิท มาแล้ว 4 ปี จากเบี้ยรับรวมที่ 1,200 บาท ก็ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ และจากผลงาน 8 เดือนแรกที่ออกมาดี เรามีเป้าหมายว่าปี 2568 จะจบตัวเลขเบี้ยรับรวมที่ 2,600 ล้านบาท และในปี 2569 ยังคงตั้งเป้าโตอีก ด้วยตัวเลขเบี้ยรับรวมที่ 3,000 ล้านบาท หรือโต 15% จากปี 2568”

นายกรณ์ กล่าวต่อไปว่า หนึ่งในกลยุทธ์ที่สร้างการเติบโตให้กับ Rabbit Life ได้คือ การดำเนินกลยุทธ์ร่วมกับ บริษัทในเครือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เช่น ร่วมกับแรบบิท รีวอร์ด (Rabbit Rewards) ในการให้พอยต์ สำหรับลูกค้าที่ซื้อกรมธรรม์ สามารถนำพอยต์ไปแลกรับสิทธิประโยชน์ตามร้านค้าต่างๆ ได้ เป็นต้น

นอกจากนี้ก็มีแผนกรมธรรม์และความคุ้มครองที่โดนใจ เช่น Health Smile ประกันสุขภาพเหมาจ่ายสบายใจยิ้มได้เต็มที่ หรือประกันสะสมทรัพย์ที่เสนอขายในช่วงปลายปีลดหย่อนภาษี หรือ TAX Saving ซึ่งที่ผ่านมาก็จะมีหลายรูปแบบ จ่ายเบี้ยสั้นคุ้มครอง 10 ปี

“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแบบประกันสะสมทรัพย์อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เราก็มีการบริหารความเสี่ยง เช่นกำหนดเบี้ยว่ารับได้เท่าไร มีการปรับลดการันตีผลตอบแทนให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง เป็นต้น”

*Q4 เปิดตัวประกันบำนาญ

นายกรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากประกันสะสมทรัพย์แล้ว ประกันบำนาญก็ได้รับการตอบรับอย่างดีในช่วงของการวางแผนลดหย่อนภาษี โดยไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทจะออกประกันบำนาญมาอีก 2 ตัวคือประกันบำนาญ 100/1 และ ประกันบำนาญ 100/5 โดยให้ผู้เอาประกันสามารถเลือกรับบำนาญได้ตอนอายุ 60 ปี คาดว่าลูกค้าจะให้ความสนใจตอบรับกับผลิตภัณฑ์ดังกล่าว

สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี บริษัทได้วางกลยุทธ์ Omni-Channel ผ่านการพัฒนาและปรับปรุง Touch Points ทุกจุด เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการซื้อประกันออนไลน์ที่รวดเร็ว ใช้งานง่าย และลูกค้าสามารถ Customixed ปรับแต่งความคุ้มครอง ได้ตามความต้องการเฉพาะของตัวเอง หรือจะเป็นระบบ iService ที่ดูแลลูกค้าหลังการขายอย่างใกล้ชิด

“โค้งท้ายเรามุ่งผลักดันยอดขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ลดหย่อนภาษี อาทิ Hero 10/1, Hero 10/3 และ Hero 10/5 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้บริษัทสามารถปิดปี 2568 ด้วยเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 2,600 ล้านบาท”

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้มี 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์คุ้มครองชีวิต (Whole Life) โดยยอดขาย 8 เดือน เติบโตกว่า 10 เท่า หรือคิดเป็นมูลค่า 495.56 ล้านบาท

กลุ่มผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพ (Health Insurance) โดยยอดขาย 8 เดือน เติบโตสูงถึง 144% หรือคิดเป็นมูลค่า 26.42 ล้านบาท และกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันบำนาญ (Annuity) ประกันที่สอดรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและช่วยลูกค้าวางแผนเกษียณได้อย่างมั่นคงและเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยมียอดขายเติบโต 115% หรือคิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวม 60.18 ล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม อาทิ Bumnarn Mungme 85/65 และ Bumnarn Mungme 85/55 Plus

นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากทุกช่องทางการขายหลัก โดยช่องทางตัวแทน (Agency) ที่สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่เติบโตถึง 136% คิดเป็นมูลค่า 351.18 ล้านบาท ขณะที่ช่องทาง Broker ทำผลงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งที่ 79% หรือคิดเป็นมูลค่า 250.89 ล้านบาท และช่องทางออนไลน์ (Internet Sale) ที่ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและต่อเนื่อง โดยครองอันดับ 4 ในตลาดได้อย่างมั่นคง สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภครุ่นใหม่ในยุคดิจิทัล โดยมียอดเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่อยู่ที่ 67.56 ล้านบาทบาท

นายธัญญะ  ซื่อวาจา  รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารและสนับสนุนองค์กร  แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด

กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า เรายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนธุรกิจ และเพื่อเสริมศักยภาพการทำงานให้สอดรับกับ Ecosystem ของกลุ่มบีทีเอส จึงมีการย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มายังอาคาร BTS Visionary Park ก้าวสำคัญนี้ไม่เพียงสะท้อนความแข็งแกร่งในการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของเราในการเดินทางมายังสำนักงานใหญ่แห่งนี้ อีกด้วย