รีเซต

ธปท.คาด GDP ปี 68 โตเพียง 2.2% และลดเหลือ 1.6% ในปี 69

ธปท.คาด GDP ปี 68 โตเพียง 2.2% และลดเหลือ 1.6% ในปี 69
ทันหุ้น
22 ตุลาคม 2568 ( 10:42 )
10

ธปท.คาด GDP ปี 68 โตเพียง 2.2% และลดเหลือ 1.6% ในปี 69 

#ทันหุ้น #ธปท #SET ธนาคารแห่งประเทศไทย: เศรษฐกิจไทยปี 2568–2569 ชะลอตัวจากผลภาษีสหรัฐฯ SMEs ยังเปราะบาง เงินเฟ้อคาดกลับสู่เป้าหมายปี 2570 พร้อมลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากเศรษฐกิจอ่อนแรง

Key Takeaways

  • ธปท. คาด GDP ปี 2568 โตเพียง 2.2% และลดเหลือ 1.6% ในปี 2569
  • การส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบจาก มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
  • ภาคท่องเที่ยวทยอยฟื้น โดยนักท่องเที่ยวจีนกลับมาแต่ยังไม่เต็มศักยภาพ
  • SMEs โตช้ากว่าธุรกิจใหญ่ จากปัญหาโครงสร้างและการแข่งขัน
  • เงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเป็นบวกไตรมาส 2/2569 และเข้าเป้าหมาย 1–3% ต้นปี 2570
  • นโยบายการเงินยังอยู่ในระดับ ผ่อนคลาย และมีแนวโน้มปรับตามภาวะเศรษฐกิจ

1. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย

การเติบโตชะลอลง

เศรษฐกิจไทยปี 2568 ขยายตัวราว 2.2% จากแรงส่งภาคส่งออกครึ่งปีแรก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังแข็งแรง แต่ครึ่งปีหลังเริ่มชะลอตามผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และภาคการผลิตที่เผชิญแรงกดดันระยะสั้น ปี 2569 คาด GDP โตเพียง 1.6% โดยภาคท่องเที่ยวและการส่งออกอ่อนแรงต่อเนื่องจากการแข่งขันสูง

2. ภาคส่งออก

การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มหดตัว -1% ในปี 2569 หลังจากปี 2568 โต 10%
สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีหลายหมวด เช่น sectoral-auto, sectoral-steel และ reciprocal tariff ซึ่งกดดันการค้าโลก
อย่างไรก็ตาม สินค้า ชิปและอิเล็กทรอนิกส์ ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ

3. ภาคการท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2568 คาดอยู่ที่ 33 ล้านคน ลดจาก 35.5 ล้านในปี 2567 แต่จะกลับมาที่ 35 ล้านคนในปี 2569
นักท่องเที่ยวจีนทยอยกลับมา หลังปัญหาความปลอดภัยคลี่คลาย ขณะที่นักท่องเที่ยวระยะไกลยังขยายตัวดี
รายได้รวมภาคท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.4 ล้านล้านบาทในปี 2568 และคาดเพิ่มเป็น 1.5 ล้านล้านบาทในปี 2569

4. SMEs ยังเปราะบาง

SMEs ขยายตัวต่ำกว่าธุรกิจใหญ่ต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วนเพียง 35% ของ GDP
ปัญหาหลักคือ:

  • ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูง
  • การเข้าถึงสินเชื่อจำกัด
  • การแข่งขันรุนแรง
    แม้ ธปท. ลดดอกเบี้ยนโยบายรวม 1% แต่ผลต่อการลดภาระหนี้ของ SMEs ยังมีจำกัดเมื่อเทียบกับธุรกิจขนาดใหญ่

5. ภาวะเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาด 0% ในปี 2568, 0.5% ในปี 2569, และจะกลับสู่เป้าหมาย 1% ในปี 2570
แรงกดดันด้านราคายังต่ำจาก:

  • ราคาน้ำมันและอาหารทรงตัว
  • สินค้านำเข้าจากจีนราคาถูก กดเงินเฟ้อผ่านการแข่งขัน
    อย่างไรก็ดี ธปท. มองว่า ไม่มีภาวะเงินฝืด เพราะราคาสินค้าไม่ได้ลดลงในวงกว้าง

6.ภาวะการเงินและค่าเงินบาท

  • สินเชื่อระบบธนาคารหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs
  • คุณภาพสินเชื่อเริ่มแย่ลง
  • เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามทิศทาง นโยบายผ่อนคลายของเฟด
    โดยแข็งขึ้นราว 4.4% YTD (ถึง 17 ต.ค. 2568)

7.นโยบายการเงิน

  • ธปท. เห็นว่านโยบายปัจจุบัน อยู่ในระดับผ่อนคลาย และยังมีพื้นที่สำหรับการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมหากเศรษฐกิจอ่อนแรง
  • การปรับลดดอกเบี้ยจะส่งผลต่อเศรษฐกิจเต็มที่ในช่วง 4–6 ไตรมาส
  • เน้นให้ความสำคัญกับ “จังหวะเวลาและประสิทธิผลของนโยบาย (timing & effectiveness)”
  • เสนอแนวทางผสมผสานนโยบาย เช่น

    • ตั้ง AMC รองรับหนี้เสีย
    • ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเฉพาะจุด เพื่อช่วยธุรกิจปรับตัว
    • ดูแลค่าเงินบาทให้สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน
       

สรุปภาพรวม : เศรษฐกิจไทยในปี 2568–2569 กำลังเผชิญแรงกดดันหลายด้าน — การส่งออกหดตัวจากภาษีสหรัฐฯ, ภาค SMEs ยังอ่อนแอ, เงินเฟ้ออยู่ระดับต่ำ และสินเชื่อหดตัว
ธปท. ยืนยันนโยบายการเงินจะยัง “ผ่อนคลายแบบระมัดระวัง” เพื่อประคองเศรษฐกิจในภาวะชะลอตัว และพร้อมใช้มาตรการเฉพาะจุดควบคู่กับการดูแลเสถียรภาพการเงิน

ที่มา:
รายงาน Monetary Policy Forum 3/2025 ธนาคารแห่งประเทศไทย (เผยแพร่วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง