KGEN ขายรถอีวีเบอร์ 1 ตั้งฐานไทยโกยยอดหมื่นล.

#KGEN #ทันหุ้น – KGEN เผยยอดจองรถอีวีแบรนด์ JAECOO และ OMODA พุ่งทะลุ 15,000 คัน ขึ้นแชมป์เบอร์ 1 ในกลุ่ม พร้อมเปิดตัว Chery รุ่นใหม่วันนี้ โกยยอดจองแล้วกว่า 2,000 คัน แย้มปลายปีเตรียมตั้งฐานผลิตใหญ่ในไทยส่งออกทั่วโลก ดันยอดขายก้าวกระโดดจากร้อยล้านสู่หมื่นล้านบาทปีหน้า
นางสาวพรทิพย์ ตรงกิ่งตอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ยอดจองของรถยนต์รุ่น แบรนด์ OMODA และ JAECOO ล่าสุดอยู่ที่ 15,000 กว่าคัน ซึ่งถือเป็นยอดจองที่ค่อนข้างสูงมากสำหรับรถยนต์รุ่นเดียว ขณะนี้ได้เริ่มทยอยส่งมอบรถยนต์ไปแล้วกว่า 2,000 คัน
ความสำเร็จดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดรถ EV ไทยมีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยอดจดทะเบียนรถ EV รวมทุกยี่ห้ออยู่ที่ประมาณ 70,000 กว่าคัน เมื่อเทียบกับของบริษัทที่ทำยอดจองไป 15,000 กว่าคัน ถือว่ายอดจองของแบรนด์น่าจะอยู่ในอันดับ 1
** สถานการณ์ตลาด EV
สำหรับตลาดรถ EV โดยรวมในประเทศไทยมีการเติบโตประมาณเกือบ 25% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งปีที่แล้วมียอดรวมทั้งปีอยู่ที่ 70,000 กว่าคัน แต่ปีนี้ผ่านไปเพียง 9 เดือนก็ถึง 70,000 กว่าคันแล้ว และคาดว่ายอดจดทะเบียน EV จะแตะ 100,000 คันได้ภายในสิ้นปี ปัจจุบันรถ EV คิดเป็น 20% ของตลาดรถยนต์โดยรวมของไทย (ซึ่งตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 500,000 คันต่อปี)
อย่างไรก็ตามในวันนี้ (30 ก.ย.68) เตรียมเปิดตัวรถยนต์อีวีแบรนด์ Chery รุ่นใหม่คือ V23 และจะมีการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ ซึ่งที่ป่านมาแม้จะยังไม่ทราบราคาแต่มีการเปิดจองล่วงหน้าไปแล้วกว่า 2,000 คัน เนื่องจากลูกค้าชื่นชอบในคาแร็กเตอร์และหน้าตาของรถ
สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้กับนักลงทุนและผู้บริโภค แบรนด์ Chery มีแบรนด์ลูกอยู่หลายแบรนด์ รวมถึง Omoda และเป็น ผู้ส่งออกรถยนต์จีนอันดับ 1 ติดต่อกันมายาวนานถึง 23 ปี โดยเฉพาะในตลาดส่งออก ถือว่าผ่านการทดสอบมาแล้ว โดยปีที่แล้ว Chery ส่งออกไปถึง 1.4 ล้านกว่าคัน
** ตั้งฐานผลิตในไทย
นอกจากนี้ Chery ไม่ได้เข้ามาเพียงแค่ขาย แต่ได้เข้ามาตั้งฐานการผลิตที่เมืองไทย อย่างจริงจัง โดยตั้งใจให้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก EV ของโลก ฐานการผลิตที่ตั้งขึ้นมานั้นมีขนาดใหญ่ และมีการวางแผนผลิตไว้ที่ประมาณ 80,000-100,000 คันต่อปี ซึ่งในระยะสั้นอาจขายในไทยได้ไม่หมด จึงต้องเน้นการส่งออกเป็นหลัก ตลาดส่งออกหลักคือ ยุโรป และตะวันออกกลาง โดยเฉพาะที่ดูไบ
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดการณ์ ผลประกอบการที่จะสะท้อนการเติบโตอย่างแท้จริงจะอยู่ในไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า เนื่องจากโรงงานผลิตคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในสิ้นปีนี้ ประมาณเดือนพฤศจิกายน และมีแผนการผลิตรถยนต์ในไทยปีหน้าอยู่ที่ประมาณ 40,000-50,000 คัน ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายของบริษัทจะก้าวกระโดดจากระดับหลักร้อยล้านในปัจจุบัน ไปสู่ระดับหลักหมื่นล้านบาทในปีหน้า ซึ่งอาจทำให้ KGEN เป็นบริษัทที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีหน้า
** ภาครัฐสนับสนุน
สำหรับภาครัฐไทยได้ให้การส่งเสริมตลาด EV มาโดยตลอด ทั้งการลดภาษีนำเข้าผ่านกรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร ซึ่งถือเป็นกลไกที่รัฐบาลพยายามผลักดันตลาด EV โดยเฉพาะการดึงบริษัทขนาดใหญ่จากจีนเข้ามาลงทุน ทำให้มูลค่าการลงทุนที่ผ่าน BOI ปัจจุบันเป็นแสนล้านบาทแล้ว การสนับสนุนนี้ทำให้ประเทศไทยสามารถรักษาความเป็นแชมป์ในภูมิภาคนี้ได้
ทั้งนี้บริษัทคาดหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่อาจมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น นโยบายให้เงินอุดหนุน (Subsidy) สำหรับผู้ซื้อรถยนต์ ซึ่งหากมีนโยบายลักษณะดังกล่าวออกมา จะช่วยกระตุ้นการบริโภคและเศรษฐกิจ โดยท้ายที่สุดแล้ว ผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกอยู่กับผู้บริโภค เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคสามารถซื้อรถยนต์ในระดับหลักแสน แต่ได้รับฟังก์ชันการใช้งานแบบหลักล้านได้แล้ว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
