CDC เผยพบไวรัส “ฝีดาษลิง” แตกต่างกัน 2 สายพันธุ์ในสหรัฐฯ
วันนี้( 4 มิ.ย.65) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี เปิดเผยว่า ผลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสฝีดาษลิงของผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ พบไวรัสฝีดาษลิงแตกต่างกัน 2 สายพันธุ์ กำลังแพร่กระจายอยู่ในสหรัฐฯขณะนี้ เพิ่มความเป็นไปได้ว่าไวรัสฝีดาษลิงอาจแพร่กระจายอยู่ในสหรัฐฯมานานกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญคาดไว้
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ตรวจพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกเมื่อ 4 พฤษภาคม ในรัฐแมสซาชูเส็ตส์ และเพิ่มเป็น 17 คน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ในจำนวนนี้ 16 คน เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศที่มีเพศสัมพันธ์กัน โดยมีผู้ติดเชื้อเป็นหญิงเพียงคนเดียว
ส่วนสถานการณ์ระบาดของฝีดาษลิงในสหรัฐฯ ล่าสุดผู้ติดเชื้อยืนยันเพิ่มขึ้นอีกเป็น 20 คน ใน 11 รัฐ ทุกคนอยู่ในวัยผู้ใหญ่ ไม่มีผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อทุกคนกำลังฟื้นตัว หรือ หายแล้ว ขณะที่ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเดินทางระหว่างประเทศ
การถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อไวรัสฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ พบว่า เป็นสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสฝีดาษลิง สายพันธุ์ที่พบในยุโรปขณะนี้ แต่การถอดรหัสพันธุกรรมผู้ติดเชื้อคนอื่น ๆ กลับพบไวรัสฝีดาษลิงสายพันธุ์ที่แตกต่างออกไป
โดยเป็นกรณีของผู้ติดเชื้อ ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากแอฟริกาตะวันตก และภูมิภาคตะวันออกกลาง ไวรัสฝีดาษลิงที่แตกต่างกันทั้ง 2 สายพันธุ์ในสหรัฐฯดังกล่าว ล้วนเกี่ยวข้องกับไวรัสฝีดาษลิงสายพันธุ์ที่พบในไนจีเรียตั้งแต่ปี 2560 และมีความเป็นไปได้ว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิงในสหรัฐฯที่ตรวจไม่พบแต่เป็นจำนวนไม่มาก ซึ่งต้องวิเคราะห์เพิ่มโดยการถอดรหัสพันธุกรรมของผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อไป เพื่อให้เข้าใจรูปแบบการติดต่อของโรค
ทั้งนี้ ซีดีซี สรุปอาการของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงในสหรัฐฯ ว่า จะมีอาการไข้ 5-13 วัน มีอาการอ่อนเพลียและรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกาย และจะเกิดตุ่มหนองภายใน 1-4 วันแรก ลักษณะตุ่มหนองคล้ายโรคฝีดาษคน ปัจจัยเสี่ยงหลักที่จะทำให้ติดเชื้อ คือ การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะผู้ที่เกิดตุ่มหนองแล้ว
แม้ว่าผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงที่พบในสหรัฐฯ ขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ แต่ซีดีซี ย้ำเตือนว่า การติดต่อของฝีดาษลิงไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะคนกลุ่มเหล่านี้เท่านั้น และขณะนี้ ทางรัฐบาลกลางสหรัฐฯได้แจกจ่ายวัคซีนต้านฝีดาษลิงชนิดเชื้อเป็น ออกไปแล้วประมาณ 1,200 เข็มเพื่อใช้รักษาผู้ติดเชื้อ
ภาพจาก รอยเตอร์