งานวิจัยยืนยันการเจริญสติ เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ความเชื่อ

นพ.เจษฎา ทองเถาว์ แพทย์เฉพาะทางจิตเวชศาสตร์ เจ้าของเพจ คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ 6 งานวิจัยที่ยืนยันว่า การเจริญสติ เป็นศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ โดยระบุว่า ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา “การเจริญสติ” (Mindfulness) ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากวงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสาขาประสาทวิทยา จิตวิทยา หรือการแพทย์ งานวิจัยจำนวนมากยืนยันตรงกันว่า การเจริญสติไม่ใช่เพียงแนวคิดเชิงจิตวิญญาณหรือศาสนาเท่านั้น แต่เป็นกระบวนการฝึกจิตที่ส่งผลต่อสมอง พฤติกรรม และสุขภาพทั้งกายและใจอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถตรวจสอบได้ทางวิทยาศาสตร์
ต่อไปนี้คือ 6 งานวิจัยสำคัญ ที่ช่วยยืนยันว่า การเจริญสติเป็น “วิทยาศาสตร์” อย่างแท้จริง
งานวิจัยที่ 1: การเจริญสติช่วยลดความเครียดและฮอร์โมนคอร์ติซอล
งานวิจัยพบว่า การฝึกสติอย่างสม่ำเสมอช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลในเลือด ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียดโดยตรง ส่งผลให้ผู้ฝึกมีความสามารถในการจัดการความเครียดได้ดีขึ้น และลดผลกระทบเชิงลบของความเครียดต่อร่างกายและจิตใจ
(Brown & Ryan, 2003; Davidson & McEwen, 2012)
งานวิจัยที่ 2: การฝึกสติส่งผลต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง
การศึกษาด้วยเทคโนโลยีถ่ายภาพสมองพบว่า การฝึกสติเป็นเวลาเพียง 8 สัปดาห์สามารถเพิ่มความหนาแน่นของเนื้อสมองในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการจดจำ การเรียนรู้ และการควบคุมตนเอง ขณะเดียวกันยังพบว่าขนาดของอะมิกดาลา ซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความกลัวและความวิตกกังวล มีการลดลง
(Hölzel et al., 2011; Farb et al., 2007)
งานวิจัยที่ 3: ลดอาการวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า
งานวิจัยเชิงทดลองหลายชิ้นพบว่า การฝึกสติช่วยลดระดับอาการวิตกกังวลและซึมเศร้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยช่วยให้ผู้ฝึกสามารถตระหนักรู้และจัดการกับความคิดและอารมณ์ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซึมเศร้าซ้ำ
(Hoge et al., 2013; Segal et al., 2010)
งานวิจัยที่ 4: การเจริญสติช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
ผู้ที่ฝึกเจริญสติมีแนวโน้มในการรับฟังผู้อื่นอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ลดการตอบสนองทางอารมณ์เชิงลบ และเพิ่มความเข้าใจในตนเองและผู้อื่น ส่งผลให้ความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่ทำงาน และสังคมโดยรวมดีขึ้น
(Brown & Ryan, 2003)
งานวิจัยที่ 5: ส่งผลดีต่อสุขภาพกายและระบบหัวใจหลอดเลือด
การเจริญสติไม่ได้ให้ประโยชน์เฉพาะด้านจิตใจเท่านั้น งานวิจัยพบว่ายังช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และเพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพกายในระยะยาว
(Davidson & McEwen, 2012)
งานวิจัยที่ 6: เพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงาน
การฝึกสติช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจ่อกับงาน ลดความฟุ้งซ่าน และเสริมประสิทธิภาพในการคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และสร้างสรรค์ ส่งผลให้การทำงานและการตัดสินใจมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
(Farb et al., 2007)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
