'กองทัพเรือ' แถลงปม 'เรือดำน้ำ' หลังถูกตั้งคำถาม 'ความจำเป็น' จากสังคม
จากกรณีซื้อเรือดำน้ำ 22,500 ล้านบาท และถูกตั้งคำถามความจำเป็นจากสังคม โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่เปิดเอกสารลับจีทูจี ส่อสัญญาเป็นโมฆะ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรระบุว่า เอกสารลงนามจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น ไม่ใช่สัญญา รัฐต่อรัฐ แต่เป็นเพียงเอกสารข้อตกลง และสัญญาที่ลงนามเป็นเพียงการจัดซื้อเรือ 1 ลำเท่านั้น ไม่มีผูกพันลำที่ 2-3 ยังระบุอีกว่า พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ในขณะดำรงตำแหน่งเสนาธิการ (เสธ.ทร.) ทหารเรือ ไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลไทย แต่อ้างถึงตำแหน่ง เสธ.ทร. จึงไม่สามารถรับมอบอำนาจได้ เเต่คนที่รับมอบอำนาจได้ต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหม ดังนั้นสัญญาดังกล่าวจึงต้องเป็นโมฆะ
ล่าสุดวันที่ 24 สิงหาคม 2563 กองทัพเรือ เตรียมแถลงโดยประเด็นที่ชี้แจง ได้แก่ ความจำเป็นในเชิงยุทธศาสตร์ การจัดสรรงบประมาณของกองทัพเรือเอง โดยเลื่อนโครงการจัดหาเรือผิวน้ำโครงการจัดหาอากาศยานแล้ว พร้อมทั้งเรื่องเอกสารข้อกฎหมายในการทำสัญญาแบบจีทูจี อำนาจของ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในการลงนามด้วย
เมื่อเวลา 14.00 น. กองทัพเรือตั้งโต๊ะชี้แจงโครงการซื้อเรือดำน้ำ 22,500 ล้าน ระบุไม่ใช่การตั้งงบใหม่แต่เป็นงบผูกพันแบ่งจ่ายใน 7 ปี ย้ำมีความจำเป็นเพื่อเป็นปกป้องผลประโยชน์ทางทะเล โต้เดือดพรรคเพื่อไทยไม่ใช่จีทูจีเก๊ไม่เหมือนโครงการจำนำข้าว
โดย พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ ได้ตอบกรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีกองทัพเรือ เปิดเผยเอกสารลับการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า "กองทัพเรือมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ดูแลเขตแดนกลางทะเล การจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ เป็นไปตามขั้นตอน วัตถุประสงค์ของเราชัดเจนมา เราทำตามหน้าที่ของเรา ทุกกระทรวงกรมต่าง ๆ ล้วนมีภาระหน้าที่ มีงบประมาณของตัวเองที่จะต้องทำภารกิจ ของชาติให้สำเร็จในทุกส่วน เพราะฉะนั้นแล้วการนำเนื้อหาของการจัดหายุทโธปกรณ์มาโจมตี การนำไปเป็นเหยื่อทางการเมืองเพื่อสร้างให้เกิดความวุ่นวาย การให้ข่าวที่ผิด ตั้งแต่กระบวนการจัดทำที่ว่าเก๋ หรือว่าการใช้เงินจำนวนมากอย่างฟุ่มเฟือย หรือว่าไม่มีสาระนั้นเป็นการให้ข่าวที่เห็นแก่เรื่องทางการเมืองเป็นหลักเท่านั้นเอง เอาเรื่องนี้ไปเป็นประโยชน์ด้านการเมืองอย่างเป็นที่สุด"
พล.ร.ท.ประชาชาติ ยังกล่าวอีกว่า “ที่กล่าวหาว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เป็นสัญญาเก๋ ก็ไม่เป็นความจริง จำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทย ทำต่างหากที่เป็น จีทูจีเก๋ และไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจีอย่างถูกต้องโปร่งใส ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องการเมือง โดยการจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้จ่ายทั้งก้อน 2.25 หมื่นล้านบาท ในคราวเดียว ปี 64 ทั้งหมด”
ส่วน พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ ยืนยันว่า การจัดหาเรือดำน้ำอีก 2 ลำ งบ 2.25 หมื่นล้านบาท เทียบไม่ได้กับความคุ้มค่า ในการปกป้องผลประโยชน์ในทรัพยากรทางทะเลของไทยที่มีกว่า 24 ล้านล้านบาท คิดเป็นแค่ 0.093 % เท่านั้น ซึ่งในทะเลจีนใต้ที่ใกล้ไทยนั้น มีหลายชาติประกาศความเป็นเจ้าของ มีการก่อสร้างสถานี และสนามบินเกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุที่อาจทำให้เกิดการปะทะกันได้ หากเกิดการปะทะกัน นี่คือเส้นเลือดใหญ่ของไทยในการค้าและจะมีปัญหาตามมา
ด้าน พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ ชี้แจงว่า เป็นการตั้งงบแบบผูกพัน ไม่ใช่การตั้งงบใหม่ ซึ่งกองทัพเรือ เข้าใจถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งกองทัพเรือ ได้ขอทางการจีน ชะลอการจ่ายงวดปี 63 ไปแล้ว 3,375 ล้านบาท และนำเงินส่วนนี้ส่งคืนให้รัฐบาล ผ่าน พ.ร.บ. โอนงบ 4,130 ล้านบาท คิดเป็น 8.78 % ทำให้ต้องขยับกรอบชำระจากกรอบ 63-69 เป็นถึงปี 70 ซึ่งที่ผ่านมา ทร. ก็ตั้งงบโดยคำนึงถึงความประหยัดเป็นหลัก
น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ยืนยันว่า สัญญาจีทูจีเป็นไปอย่างถูกต้อง พร้อมฉายเส้นทาง การลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำลำที่ 1 โดย รัฐบาลจีน สั่งการให้ SASTIND มอบอำนาจให้ บริษัท CSOC ก่อนมอบอำนาจให้ Chirman of CsOC มาเซ็นสัญญา ขณะที่ ฝั่งไทย ครม.ได้อนุมัติ ให้ใช้วิธีจัดซื้อแบบจีทูจี มอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทน โดย ผบ.ทร.ในสมัยนั้น ได้มอบอำนาจให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร.ในฐานะ ประธาน กจค.ไปเซ็นสัญญา
รวมถึง นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รองประธานคณะกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าร่วมฟังในงานแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย