ส่อง SCB โบรกฯ เผยอาจปันผลเพิ่ม หลังแลกหุ้นเสร็จ-แนะตอบรับเทนเดอร์ฯ

ข่าววันนี้ โบรกเกอร์ 2 รายออกบทวิเคราะห์หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB โดยคาดว่าอาจจะมีการจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม หลังจากที่ได้มีการแลกหุ้นเสร็จแล้ว พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ที่ถือหุ้น SCB ตอบรับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ โดยการแลกหุ้น
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ระบุว่า SCB ได้เริ่มขั้นตอนการแลกหุ้น เพื่อเป็นโฮลดิ้ง ที่ใช้ชื่อว่า SCBx แล้ว โดยกำหนดช่วงแปลงหุ้นที่อัตราส่วน 1:1 ระหว่างวันที่ 2 มี.ค. ถึง 18 เม.ย. 2565 ซึ่งดีลนี้จะเดินหน้าต่อไป ต้องมีการแปลงหุ้นไม่น้อยกว่า 90% ของหุ้นทั้งหมดของ SCB ซึ่งเมื่อมีการแปลงหุ้นเรียบร้อยแล้ว SCBx จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน SCB ที่จะถูกถอนหุ้นในวันเดียวกัน
ฝ่ายวิจัยเคจีไอฯ ระบุอีกว่า หลังจากที่แลกหุ้นเสร็จแล้ว ธนาคารเผยว่าอาจจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท. กำหนดให้ธนาคารจ่ายเงินปันผลได้ไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิรายปี ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่าปันผลส่วนเพิ่มนี้อาจจะไม่น่าจะมีนัยสำคัญ เพราะ SCB ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2564 ไปแล้วที่ 4.06 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลจ่าย 40% ซึ่งหากใช้สมมติฐานว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลเต็มที่ 50% หมายความว่าเงินปันผลส่วนเพิ่มจะไม่เกิน 1.20 บาทต่อหุ้น
กลยุทธ์ยังแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 163 บาทต่อหุ้น มองว่าหลังจากที่ธุรกรรมการแลกหุ้นเสร็จในปลายเดือน เม.ย. 2565 แล้ว คาดว่าจะสามารถนำบริษัทใหม่ที่มีสถานะเป็นโฮลดิ้ง คอมปานีเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในเดือน พ.ค. 2565 และจาดนั้นจะเริ่มเปิดดำเนินการ CardX และ AutoX ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ที่แยกออกมาเพื่อสร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ และมองว่าการแข่งขันของธุรกิจธนาคาร และ non-bank จะเข้มข้นมากขึ้น
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่าหากพิจารณาราคาหุ้น SCB ปัจจุบัน แนะนำให้นักลงทุนที่มีหุ้น SCB ตอบรับคำเสนอซื้อ และแปลงเป็นหุ้น SCBx ไปก่อน ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีหุ้น SCB มองเป็นโอกาสลงทุน เพื่อแปลงไปเป็น SCBx เพราะราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PBV ที่ 0.89 เท่า ใกล้เคียง -1.0SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต ซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่จะมีข่าวการประกาศปรับโครงสร้างเป็น SCBx
ทั้งนี้ในเชิงปัจจัยพื้นฐานของ SCB ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยยังแข็งแกร่ง แนวโน้มผลประกอบการปี 2565 คาดกำไร 4.06 หมื่นล้านบาท เติบโต 14% และคาดผลประกอบการจะโตในทุกไตรมาส และประสิทธิภาพการทำธุรกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งการจัดตั้งบริษัทลูก รวมถึงการรุกธุรกิจใหม่อย่างสินเชื่อจำนำทะเบียนจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/65 และยังเป็นผู้นำด้าน digital banking และ อาจมีแรงซื้อหุ้นกลับ หลังจากนักลงทุนที่ขายทำกำไรไปก่อนหน้า
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมายที่ 155 บาทต่อหุ้น และเลือกเป็นหุ้น Top Pick ของกลุ่มธนาคารคู่กับธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK นอกเหนือจากในระยะสั้นที่ได้แรงหนุนจากสำรองที่ลดลง มองว่าในระยะกลางสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อย รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมจะได้อานิงส์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจ ส่วนการเป็นผู้ริเริ่มปรับเปลี่ยน landscape ธุรกิจธนาคารให้มีความคล่องตัว และแผนรุกสินเชื่อใน segment ใหม่ของ SCB จะช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว
ราคาหุ้น SCB เคลื่อนไหวอยู่ที่ 114 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 0.44% มีมูลค่าการซื้อขาย 787.50 ล้านบาท