SPAชูท่องเที่ยวหนุนโค้งสามโต รุกขยายฐานธุรกิจสุขภาพ

#SPA #ทันหุ้น – SPA ทิศทางผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากการขยายสาขา ส่งผลให้ SSSG ฟื้นตัวขึ้น ขณะที่ทิศทางจำนวนนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยยังรอติดตามนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ ในการดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมา อีกทั้งยังได้ขยายธุรกิจไปยัง Wellness ผ่านพัฒนาโครงการศูนย์สุขภาพและพักผ่อนแบบครบวงจร ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้าง New S-Curve คาดจะเปิดดำเนินการในไตรมาส 1/2570
นายณรัล วิวรรธนไกร กรรมการบริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA ดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ทิศทางผลประกอบการไตรมาส 3/2568 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากไตรมาส 2/2568 โดยในช่วงกรกฎาคม-สิงหาคม 2568 มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น โดยมาจากสาขาที่เพิ่งเปิดในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเปิดไปแล้ว 4 สาขา และครึ่งปีหลังจะเปิดเพิ่มอีก 6 สาขา
ขณะที่การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) เริ่มมีการฟื้นตัวขึ้น คาดว่าจะหดตัวในระดับ Single Digit หรือไม่เกิน 10% เป็นผลมาจากการขยายสาขาในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ SSSG ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/2568 ที่หดตัว 17% เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง
@จำนวนนักท่องเที่ยวฟื้น
แต่ทั้งนี้ทิศทางจำนวนนักท่องเที่ยวในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าในไตรมาส 3/2568 เป็นช่วงปิดเทอมของเอเชียและจำนวนนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้นจากฤดูท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นช่วงอากาศที่ร้อน อีกทั้งในไตรมาส 4/2568 จะมีวันชาติจีนช่วงต้นเดือนตุลาคม ต่อเนื่องด้วยคริสต์มาสและปีใหม่
ในส่วนนโยบายของภาครัฐหลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่การมีรัฐบาลใหม่น่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้น ซึ่งยังต้องรอประเมินทิศทางเป้าหมายและกลยุทธ์ของรัฐมนตรีท่องเที่ยวคนใหม่ในการช่วยดึงนักท่องเที่ยวกลับมา ด้านโครงการ “คนละครึ่ง” ก่อนหน้านี้ยังไม่รวมธุรกิจสปา และยังรอรายละเอียดโครงการอยู่ว่าจะมีเพิ่มหรือไม่ หากเป็นไปได้ยินดีเข้าร่วม
@ขยายธุรกิจ Wellness
อีกทั้งบริษัทได้เข้าทำสัญญาและจดทะเบียนสิทธิการเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์สุขภาพและพักผ่อนแบบครบวงจร (Wellness Destination) ณ บริเวณนาจอมเทียน จังหวัดชลบุรี ตอกย้ำกลยุทธ์การขยายธุรกิจ โดยใช้ศักยภาพและประสบการณ์ครบทุกมิติ คาดว่าใช้เวลาในพัฒนาประมาณ 18 เดือน ซึ่งจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบและเริ่มรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 1/2570 โดยคาดว่าจะคืนทุนภายในปี 2578
อย่างไรโครงการนี้จะรวบรวมประสบการณ์การบริหาร Wellness, สปา, โรงแรมรีสอร์ต, ร้านอาหาร และคาเฟ่ไว้ในที่เดียว เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและ Medical Tourism ที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ระดับโลก ซึ่งการอนุมัติโครงการในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะสร้าง New S-Curve ให้กับบริษัท และเป็นการตอบรับความต้องการของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มองหาการพักผ่อนที่มีคุณภาพ
พร้อมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ดังนั้นมั่นใจว่าด้วยทำเลที่ตั้งที่โดดเด่นและแนวคิดโครงการที่แข็งแกร่ง จะทำให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ด้านสุขภาพที่ไม่มีใครเทียบได้ และก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้าน Wellness ที่สำคัญของภูมิภาค
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
