รีเซต

กองอสังหาLUXFแกร่ง ปันผลรวมมูลค่า125ล.

กองอสังหาLUXFแกร่ง ปันผลรวมมูลค่า125ล.
ทันหุ้น
12 กันยายน 2568 ( 15:44 )
11

#LUXF #ทันหุ้น บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายปันผลกองทุนอสังหาฯ “LUXF” 0.64 บาทต่อหน่วย รวมมูลค่ากว่า 125 ล้านบาท โดยกองทุนสินทรัพย์ลงทุน โรงแรมซิกส์เซ้นส์ ยาวน้อย ได้รับผลดีจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และผลงานงวด 1 ปีสิ้นสุด 30 มิถุนายน มีกำไรจากการลงทุนเพิ่มขึ้น28.82% อยู่ที่195.69 ล้านบาท 

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) สำหรับผลการดําเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 0.64 บาทต่อหน่วย มูลค่ารวม 125,760,000 บาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 18 กันยายน 2568

สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีนโยบายการลงทุนโดยซื้อทรัพย์สินที่ลงทุนที่บริษัท โรงแรม ป่าเกาะ จำกัด เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และได้ใช้ในการดำเนินกิจการ โครงการโรงแรมซิกส์เซ้นส์ ยาวน้อย ตั้งอยู่บนเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา โดยปัจจุบันได้รับผลประโยชน์จากบริษัท ซัสเทนเนเบิ้ล ลัคชัวรี ฮอสพิทัลลิตี (ไทยแลนด์) จำกัด (เอสแอลเอช) ในฐานะผู้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่กองทุนรวมลงทุน

*จ่ายปันผลต่อเนื่อง

 กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ (LUXF) มีข้อมูลการจ่ายเงินปันผลต่อหน่วยลงทุนย้อนหลัง 5 ปี คือ ปี 2564อยู่ที่ 0.0850 บาทต่อหน่วย ปี 2565 อยู่ที่ 0.2400 บาทต่อหน่วย ปี 2566 อยู่ที่ 0.53 บาทต่อหน่วย ปี 2567 อยู่ที่  0.75 บาทต่อหน่วย และปี 2568 มีการจ่ายปันผลไปแล้ว 0.21 บาทต่อหน่วย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568  โดยรวมกับการจ่ายปันผลงวดนี้อีก 0.64 บาทต่อหน่วย รวมเป็นยอดจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 2.455 บาทต่อหน่วย (ที่มา: บลจ.อีสท์สปริง ณ วันที่ 4 กันยายน 2568)

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 1 ปี สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน ในปี 2568 เท่ากับ  278.29 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 เท่ากับ 140.18 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 138.11 ล้านบาทคิดเป็น 98.52%

*กำไรเติบโต

โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจาก ในปี 2568 กองทุนมีกำไรจากการลงทุนสุทธิอยู่ที่  195.69 ล้านบาท  เทียบกับ ปี 2567 กำไรจากการลงทุนสุทธิอยู่ที่151.91 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนหน้าเป็นจำนวน 43.78 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 28.82%  จากสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยปรับตัวดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศเพิ่มมากขึ้น ทำให้รายได้ค่าเช่าในงวดปี 2568 อยู่ที่ 215.27 ล้านบาท  เทียบกับ ในงวดปี 2567 รายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 176.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 38.91 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 22.06%

ในปี 2568 กองทุนมีผลกำไรสุทธิจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เท่ากับ 98 ล้านบาท เทียบกับปี 2567 มีขาดทุนสุทธิจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 1 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากในปี 2567 มีการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์โดยผู้ประเมินราคาอิสระลดลงจากเดิม 2,273 ล้านบาทเป็น 2,272 ล้านบาท

ส่วนปี 2568 มีการประเมินราคา อสังหาริมทรัพย์โดยผู้ประเมินราคาอิสระเพิ่มขึ้นจากเดิม 2,272 ล้านบาทเป็น 2,370 ล้านบาท โดยใช้วิธีการประเมินราคาตามวิธีคิดจากรายได้ (Income Approach) แบบวีธีคิดลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Method) 10 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง