รีเซต

SCBAM เชียร์ตราสารหนี้ต่อ หนุนคลอดกองทุนบิทคอยน์

SCBAM เชียร์ตราสารหนี้ต่อ หนุนคลอดกองทุนบิทคอยน์
ทันหุ้น
13 มีนาคม 2567 ( 10:23 )
26

#SCBAM #ทันหุ้น - SCBAM ชี้ดอกเบี้ยขาลง ตราสารหนี้ก็ยังน่าสนใจ เพราะดอกเบี้ยยังอยู่ระดับสูง รวมถึงโอกาสทำกำไรอีกขาจากราคาตราสารหนี้ที่เพิ่มขึ้น มองสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอีกทางเลือกในยุคนี้ หาก ก.ล.ต. อนุญาตให้ตั้งกองทุนบิทคอยน์สำหรับรายย่อย ก็สนใจออกเช่นกัน พร้อมลุ้น AUM รวมปีนี้แตะ 2 ล้านล้านบาท


นายณรงค์ศักดิ์  ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM กล่าวว่า ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนักที่สินทรัพย์ทั้งหุ้นและตราสารหนี้จะน่าลงทุนในคราวเดียวกัน แต่ปีนี้ถือเป็นเช่นนั้น โดยจะเห็นได้ว่าหุ้นของกลุ่มประเทศพัฒนา (DM) โดยเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นสูงต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยในหลายๆ ประเทศก็อยู่ในระดับสูง แม้เทรนด์จะเป็นขาลง แต่ก็ยังได้รับประโยชน์จากราคาตราสารหนี้ที่สูงขึ้นได้ แต่ก็ต้องเลือกตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวๆ


*ยังเน้นกองตราสารหนี้

“ปีนี้ตราสารหนี้ยังคงน่าสนใจแม้จะเป็นช่วงดอกเบี้ยปรับลงก็ตาม แต่เชื่อว่าจะค่อยๆ ปรับลงอย่างช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบเหมือนตอนขาขึ้น ดังนั้นเรายังคงได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูงเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่เฟดเริ่มปรับลดดอกเบี้ยลงมาเรื่อยๆ จนมาสุดที่ 0.25% ขณะที่ปัจจุบันเฟดขึ้นดอกเบี้ยมาที่ระดับ 5.50% ดังนั้นแม้จะเป็นขาลง แต่ดอกเบี้ยก็ยังทรงตัวในระดับสูงเมื่อเทียบกับอดีต”


ขณะเดียวกัน SCBAM เชื่อว่าเฟดจะไม่เร่งลดดอกเบี้ยลง สะท้อนจากความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ตัวเลขการจ้างงานที่เผยออกมาล่าสุด ซึ่งมีผลทำให้เฟดยังคงจับตาตัวเลขเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดต่อไป อย่างไรก็ตาม คาดว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะเกิดขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าจะลดประมาณ 4 ครั้ง หรือลงประมาณ 1% และก็จะมีผลให้ภูมิภาคอื่นๆ เริ่มปรับลงตาม ซึ่งรวมถึงไทยด้วย คาดว่า ธปท.จะปรับลดประมาณ 2 ครั้งในปีนี้


นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ SCBAMยังคงเน้นออกกองทุนตราสารหนี้ใหม่ๆ ต่อเนื่อง เพราะมองว่าผลตอบแทนยังคงน่าสนใจ และสูงกว่าในอดีต ภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น ดังนั้นในแง่ของตัวเลข ทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ (AUM) ของ SCBAMในปีนี้จะขับเคลื่อนด้วย กองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก โดยมองว่าการลงทุนในตราสารหนี้ยังคงน่าสนใจต่อเนื่องไปถึงปี 2568


  สำหรับปี 2567 SCBAM  คาดว่า มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การจัดการของบริษัทจัดการ (AUM) จะเพิ่มขึ้นมาอีก 1-2 แสนล้านบาท และน่าจะทำให้AUMรวมของบริษัทแตะ 2 ล้านล้านบาทได้ หากกองทุนตราสารหนี้ได้รับการตบรับที่ดีจากนักลงทุน ทั้งนี้หากแยกมาเฉพาะธุรกิจกองทุนรวม AUM ในปี 2567 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5 หมื่น – 1 แสนล้านบาท


สำหรับ ณ สิ้นปี 2566 AUM รวมของ SCBAM มีมูลค่ารวมกว่า 1,800,000 ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 21% เพิ่มขึ้น 5%YoY โดยแบ่งสัดส่วนมูลค่าทรัพย์สินตามกลุ่มธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่ม คือ  กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม (MF ; Mutual Fund) มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 960,000 ล้านบาท คิดเป็น 19% กลุ่มธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล (PF ; Private Fund) มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 650,000 ล้านบาท คิดเป็น 30% และกลุ่มธุรกิจกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD ; Provident Fund) มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 200,000 ล้านบาท คิดเป็น 14% (ที่มา : สมาคมบริษัทจัดการลงทุน ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2566)


*สนปั้นกองทุนลงบิทคอยน์

นายณรงค์ศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า SCBAMสนใจที่จะออกกองทุนเพื่อไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน ต้องยอมรับว่าการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐปลดล็อกการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านกองทุน ETF หรือ Bitcoin ETF ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาบิทคอยน์ (Bitcoin) เช่นกัน และเชื่อว่าในหลายๆ ประเทศเองก็ให้ความสนใจที่จะปรับกฎเกณฑ์ ให้สามารถลงทุนใน Bitcoin ETF หรือ ลงทุนตรงใน Bitcoinเช่นกัน


“ในมุมของเราก็เห็นว่า Bitcoinก็เป็นสินทรัพย์ทางเลือกหนึ่งที่สามารถซื้อขายได้บนตลาดเทรด เช่นเดียวกับทองคำ น้ำมัน หรือแม้กระทั่งพืชผลทางการเกษตรที่นำขึ้นมาซื้อขาย บนตลาดสัญญาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ดังนั้นต่อไป Bitcoinก็จะเป็นเช่นนั้น และเราในฐานผู้ดำเนินธุรกิจกองทุนรวมก็สนใจที่จะสนับสนุน หาก ก.ล.ต.อนุญาตให้ตั้งกองทุน สำหรับผู้ลงทุนรายย่อย เพราะการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายก็ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งของการกระจายความเสี่ยงการลงทุน ซึ่งก็ควรลงทุนไม่เกิน 5-7%”

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง