ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกวิจารณ์เป็นเผด็จการ หลังสั่งคนขับรถบรรทุกเลิกประท้วง
---คนขับรถบรรทุกหยุดงานประท้วง---
รัฐบาลเกาหลีใต้ภายใต้การนำของประธานาธิบดียุน ซ็อกยอล ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 พฤศจิกายน) ผู้นำเกาหลีใต้ออกคำสั่งให้กลุ่มคนขับรถบรรทุกในอุตสาหกรรมซีเมนต์ที่ผละงานประท้วง กลับเข้าทำงานในทันที หากใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้สังเกตการณ์บางคนเปรียบเทียบการปราบปรามอย่างแข็งกร้าวของประธานาธิบดียุน กับรูปแบบความเป็นผู้นำของเผด็จการทหารในอดีต
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดียุน อดีตอัยการสูงสุดที่ทิ้งอาชีพนักกฎหมายที่ทำมานานกว่า 30 ปี เพื่อเข้าสู่เส้นทางการเมืองเมื่อปีที่แล้ว กล่าวเมื่อวันอังคาร (29 พฤศจิกายน) ว่า รัฐบาลยึดมั่นตามหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด และจะไม่มีทางประนีประนอมให้กับการกระทำที่ผิดกฎหมาย
---การกระทำที่หวนให้นึกถึงอดีต---
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ที่ประธานาธิบดีใช้คำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยุติการผละงานประท้วง โดยผู้ที่ฝ่าฝืนต้องรับโทษตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับรถบรรทุก การรับโทษจำคุกนานสูงสุด 3 ปี หรือปรับเป็นเงินสูงสุด 30 ล้านวอน หรือประมาณ 802,000 บาท
South China Morning Post ระบุว่า คำสั่งดังกล่าวไม่เคยถูกเรียกใช้เนื่องจากการบังคับให้คนทำงานเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ และไม่มีคำนิยามทางกฎหมายที่ชัดเจน เกี่ยวกับเงื่อนไขที่ถูกต้องที่ให้สิทธิ์แก่รัฐบาลในการใช้คำสั่งดังนี้
ขณะที่ ปาร์ค ยอง-ชอล หัวหน้าสถาบันแรงงานและสังคมเกาหลี กล่าวว่า วิธีการจัดการกับคนขับรถบรรทุกที่นัดหยุดงานประท้วงของรัฐบาลยุน ทำให้นึกถึงยุคของรัฐบาลเผด็จการในอดีต
ด้านสหภาพแรงงานคนขับรถบรรทุกออกแถลงการณ์ประณามว่า รัฐบาลของประธานาธิบดียุนละเมิดกฎหมายแรงงานระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าภาครัฐไม่ต้องการเจรจา
---“กฎอัยการศึกที่เปิดประตูสู่เผด็จการ”---
ขณะที่ผู้จัดการหยุดงานประท้วง Cargo Truckers Solidarity Union (CTSU) ตำหนิคำสั่งให้กลับไปทำงานของรัฐบาลว่า เป็น “กฎอัยการศึกที่เปิดประตูสู่เผด็จการ” และประกาศว่าจะดำเนินการทางกฎหมายทุกทางเพื่อล้มล้างคำสั่งนี้
มีรายงานว่า สหภาพแรงงานจัดการชุมนุมทั่วประเทศในวันอังคาร ( 30 พฤศจิกายน) หลายคนโกนหัวเพื่อแสดงความตั้งใจที่จะต่อต้านคำสั่งดังกล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมของเกาหลีใต้ยืนยันว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกับตำรวจ เพื่อกดดันให้คนขับรถบรรทุกยุติการผละงานประท้วงครั้งนี้ โดยมีคำเตือนในเบื้องต้นว่า ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามในระยะแรก อาจถูกระงับใบอนุญาตขับรถบรรทุกนาน 30 วัน
กลุ่มคนขับรถบรรทุกในอุตสาหกรรมซีเมนต์ผละงานประท้วงมานาน 1 สัปดาห์แล้ว เพื่อเรียกร้องการเพิ่มค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อ และการยกระดับสวัสดิการพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง
ถือเป็นการผละงานประท้วงครั้งที่สอง ภายในระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือน สร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจของเกาหลีใต้วันละ 300,000 ล้านวอน หรือประมาณ 8,000 ล้านบาท ท่ามกลางการประเมินว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของทวีปเอเชีย จะเผชิญกับภาวะถดถอยในปีหน้า
---ไม่พอใจเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ---
การดำเนินการทั่วประเทศตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งมีประเด็นอยู่ที่ความไม่พอใจเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้กิจกรรมทางอุตสาหกรรมในประเทศเกาหลีใต้ที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชียหยุดชะงัก ส่งผลให้เกิดความสูญเสียประมาณ 300,000 ล้านวอน (224 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) หรือประมาณ 7,837 ล้านบาท ในแต่ละวัน
รัฐบาลเกาหลีใต้ เผยด้วยว่า ที่ต้องออกคำสั่งให้คนขับรถบรรทุกปูนซีเมนต์ที่หยุดงานกลับเข้าทำงานเป็นครั้งแรก เนื่องจากการประท้วงทำให้การเทคอนกรีตในไซต์ก่อสร้าง 508 แห่งทั่วประเทศ หรือประมาณครึ่งหนึ่งของไซต์ก่อสร้างทั้งหมดต้องหยุดชะงักลง
ลี จอง-ซุน รองหัวหน้าสถาบันวิจัยแรงงานและการจ้างงานแห่งมหาวิทยาลัยเกาหลี กล่าวว่า มีข้อสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับความจริงใจในการเจรจาของรัฐบาล และชี้ว่า นโยบายด้านแรงงานภายใต้รัฐบาลยุนได้เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยหันไปใช้การตอบสนองที่เข้มงวดต่อการหยุดงานประท้วง
อีกทั้งยังสร้างความตกตะลึงด้วยการแต่งตั้งนักการเมืองฝ่ายขวาที่ไม่ประนีประนอมซึ่งถูกมองว่า ต่อต้านสหภาพแรงงานเป็นหัวหน้าคณะกรรมการเจรจาไตรภาคีฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายบริหาร-แรงงานในปีนี้
---กลยุทธ์ในการดึงดูดผู้สนับสนุน---
ลี กล่าวว่า แนวทางที่แข็งกร้าวของรัฐบาลในการหยุดงานประท้วงของแรงงานอาจเป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดผู้สนับสนุนในช่วงเวลาที่ยุนมีคะแนนนิยมต่ำ เนื่องจากผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ระบุว่า เป็นเรื่องน่าเศร้าที่รัฐบาลยังคงใช้นโยบายด้านแรงงานที่ล้าสมัย ในช่วงเวลาที่ผู้คนยังคงทุกข์ทรมานจากโศกนาฏกรรมอิแทวอน
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เมื่อวานนี้ (30 พฤศจิกายน) พนักงานรถไฟใต้ดินกรุงโซลเข้าร่วมการหยุดงานประท้วงเป็นวงกว้าง นับเป็นการหยุดงานประท้วงครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลังจากการเจรจากับผู้บริหารเรื่องความซ้ำซ้อนไม่เป็นผล ส่งผลให้การเดินรถไฟลดลง 30% ในช่วงนอกชั่วโมงเร่งด่วน
ล่าสุด The Korea Herald รายงานว่า รถไฟใต้ดินกรุงโซลกลับมาดำเนินการได้เต็มประสิทธิภาพแล้วในเช้าวันนี้ (1 ธันวาคม) หลังจากผู้ประท้วงและฝ่ายบริหารสามารถบรรลุข้อตกลงในช่วงดึกที่ผ่านมา โดยฝ่ายบริหารยอมถอนแผนลดขนาดพนักงาน เพื่อยุติการประท้วง
—————
แปล-เรียบเรียง: สุภาพร เอ็ลเดรจ
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: