DIP เผย 11 เดือน ยึดสินค้าละเมิดฯมูลค่า 1.4 พันล้านบาท

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ตลอด 11 เดือนแรกของปี 2568 กรมทรัพย์สินทางปัญญาสามารถจับกุมคดีสินค้าละเมิดได้รวม 1,132 คดี ยึดของกลางกว่า 3.3 ล้านชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1,140 ล้านบาท โดยสินค้าที่ตรวจพบส่วนใหญ่เป็นเครื่องสำอาง อุปกรณ์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ และสินค้าแบรนด์เนมปลอม ซึ่งไม่ได้มาตรฐานและอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
 
ทั้งนี้ การปฏิบัติการดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญา กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยแบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุดหลัก ตรวจเข้มแหล่งการค้าและศูนย์การค้าสำคัญในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ระดมกำลังลงพื้นที่ต่างจังหวัดทุกภูมิภาค และเฝ้าระวังพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญทั่วประเทศ
 
แม้จำนวนคดีในปีนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่จำนวนของกลางและมูลค่าความเสียหายกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงการปราบปรามที่เข้มข้น โดยมุ่งสกัดกั้นสินค้าละเมิดตั้งแต่แหล่งต้นน้ำ
 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยบทวิเคราะห์เทรนด์สิทธิบัตร “เทคโนโลยีด้านการท่องเที่ยว” ว่า จากฐานข้อมูลสิทธิบัตรทั่วโลก พบว่านวัตกรรมท่องเที่ยวของไทยมีอัตราการเติบโตสูงถึง 145 เปอร์เซ็นต์ต่อปี สะท้อนศักยภาพสำคัญในการผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมท่องเที่ยวของอาเซียน
 
ทั้งนี้ แนวโน้มเทคโนโลยีด้านการท่องเที่ยวในช่วงปี 2549 ถึง 2568 กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคการใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งด้านการบริการ ประสบการณ์นักท่องเที่ยว และการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน โดยตลาดนวัตกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกยังอยู่ในช่วงเติบโต และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
 

สำหรับประเทศผู้นำด้านสิทธิบัตรเทคโนโลยีท่องเที่ยว จีนครองอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก ซึ่งแม้จะมีจำนวนสิทธิบัตรจำนวนมาก แต่เริ่มมีอัตราการเติบโตชะลอลง ขณะที่ประเทศที่น่าจับตามองคือ อินเดีย ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลก กว่า 292 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
 
ขณะที่ประเทศไทย แม้จำนวนสิทธิบัตรยังไม่มาก แต่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นกว่า 145 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยมีจุดแข็งด้านเทคโนโลยีการบริการ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการประยุกต์ใช้นวัตกรรมที่สอดคล้องกับบริบทของประเทศ
 
ทั้งนี้ แนวโน้มเทคโนโลยีท่องเที่ยวสำคัญ แบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน หรือ VR ที่ช่วยสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเสมือนจริง เทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมและออกแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวเฉพาะบุคคล