SEคาดปี69ผลงานสดใสมีแผนประมูลงาน1.7พันล.

#SE #ทันหุ้น - SE ผลประกอบการปี 2569 มีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยคาดว่าจะตั้งสำรองหนี้จากลูกค้ารายใหญ่ได้หมดภายในปีนี้ ส่งผลให้ปี 2569 ทิศทางกำไรฟื้นตัว อีกทั้งกำลังอยู่ระหว่างติดตามงานประมูล 1,700 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานเฉลี่ย 500-600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังปรับกลยุทธ์การขาย โดยหันมาเน้นปริมาณการขายมากขึ้น  

นายเกริก  ลีเกษม รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามอีสต์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SE ผู้จัดหาและจำหน่ายสินค้าอุตสาหกรรมและให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแก่โรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2568 จากรายได้การขายและบริการที่เพิ่มขึ้น โดยภาพรวมปี 2568 แม้จะมีปัจจัยลบ แต่คาดว่าผลงานจะดีกว่าหรือใกล้เคียงกับปีที่แล้ว โดยปัจจุบันบริษัทกำลังรอสรุปตัวเลขในช่วงท้ายปี

*ตั้งสำรองหนี้หมดแล้ว

อีกทั้งในปีนี้บริษัทได้ตั้งสำรองรับรู้หนี้สูญจากลูกค้ารายใหญ่อย่าง TTCL ประมาณ 15 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้บุ๊กผลขาดทุนจากหนี้ก้อนนี้ไปแล้วประมาณ 90% และคาดว่าจะรับรู้ได้หมดภายในปีนี้ ดังนั้นในปีหน้าบริษัทจะไม่มีภาระส่วนหนี้นี้อีก ทำให้กำไรมีโอกาสเติบโตได้อย่างเต็มที่

  ส่งผลให้ทิศทางการดำเนินงานในปี 2569 คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้อย่างชัดเจน เนื่องจากมีงานหลายโครงการที่เตรียมการมานานและคาดว่าจะมีการเปิดออเดอร์ในปีหน้า โดยปกติบริษัทจะมีงานที่ติดตามการประมูลอยู่ประจำประมาณ 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับงานเฉลี่ย 500-600 ล้านบาท 

ขณะที่ยังมีงานโครงการพิเศษนอกเหนือจากงานประมูลประจำ อีกประมาณ 100-200 ล้านบาท ซึ่งงานส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นงานธุรกิจหลักที่ทำประจำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีระบบปั๊ม, กลุ่มผลิตภัณฑ์การจัดการ กระบวนการผลิตและระบบท่อ, กลุ่มผลิตภัณฑ์วัสดุนวัตกรรม, กลุ่มผลิตภัณฑ์ธุรกิจงานบริการ, กลุ่มสาธารณูปโภคและพลังงาน

*ปรับกลยุทธ์ขายสินค้า

นอกจากนี้ยังเริ่มรับงานรับเหมาติดตั้งมากขึ้น โดยเน้นโครงการขนาดเล็ก มูลค่าประมาณ 10-20 ล้านบาท เช่น งานเดินท่อ อีกทั้งยังไม่ห่วงเรื่องการเรื่องตั้งรัฐบาลใหม่ว่าจะส่งผลกระทบต่อการประมูลงาน เพราะบริษัทเน้นภาคเอกชนเป็นหลัก ส่วนงานภาครัฐจะเป็นโครงการที่ไม่โดนผลกระทบทางการเมืองโดยตรง เช่น โรงไฟฟ้าของ กฟผ. (EGAT)

อย่างไรก็ดีกลยุทธ์การเติบโตของบริษัท ได้ปรับเปลี่ยนมาเน้นการขายเชิงปริมาณมากขึ้น เพื่อใช้ในการต่อรองกับลูกค้า เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาสูงขึ้น รวมถึงเพิ่มการบริการให้มากขึ้น  

สำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวัน ที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิเฉพาะกิจการจำนวน 24.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2567 จำนวน 16.91ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 232.92 และสำหรับไตรมาส 3 งวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีกำไร (ขาดทุน) สุทธิเฉพาะกิจการ จำนวน 0.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของ ปี 2567 จำนวน 2.97ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 130.05 

นอกจากนี้สำหรับไตรมาส 3 งวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทยังรับรู้กำไรสุทธิของ บริษัท ยูทิลิตี้บิสิเนส อัลลายแอนซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ UBA ในอัตรา 29.31% จำนวน 6.07 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2567 จำนวน 0.87 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 12.54 จากผลการดำเนินงานดังกล่าวข้างต้นและการรับรู้ผลกำไรจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเบ็ดเสร็จรวมสำหรับไตรมาส 3 งวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน

2568 รวมทั้งสิ้น 10.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2567 จำนวน 2.3 2ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.42