รีเซต

7 ธุรกิจที่ต้องจับตา! ทำไมต่างชาติชอบใช้ ‘นอมินี’ เจาะตลาดไทย

7 ธุรกิจที่ต้องจับตา! ทำไมต่างชาติชอบใช้ ‘นอมินี’ เจาะตลาดไทย
TNN ช่อง16
1 ตุลาคม 2568 ( 13:50 )
4

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ว่า ปัญหาการใช้ “นอมินี” หรือการถือหุ้นแทนต่างชาติ เป็นหนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจังภายในช่วงเวลาการทำงาน 4 เดือนของรัฐบาล เนื่องจากปัญหานี้ไม่ได้เพียงทำให้รัฐสูญเสียรายได้ แต่ยังเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำธุรกิจที่ควรเป็นของคนไทย

ศุภจีระบุว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้จับตา 7 ธุรกิจหลัก ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่

 1. ธุรกิจการท่องเที่ยว

 2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

 3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์

 4. ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต

 5. ธุรกิจก่อสร้าง

 6. ธุรกิจขายที่ดินเพื่อเกษตร

 7. ธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ

โดยปัจจุบันมีผู้ถูกตรวจสอบเข้าข่ายมากถึง 475 ราย ที่ต้องเร่งดำเนินการ

ทำไมต่างชาติถึงเลือกใช้ “นอมินี”

สาเหตุหลักมาจาก กฎหมายการลงทุนของไทย ที่กำหนดให้คนต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ในหลายธุรกิจที่มีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ต่างชาติที่ต้องการครอบครองกิจการโดยตรงจึงใช้วิธีหาคนไทยมายืนชื่อแทนเพื่อเลี่ยงข้อจำกัด

อีกปัจจัยสำคัญคือ เสน่ห์ของตลาดไทย ที่มีทั้งศักยภาพทางการท่องเที่ยว เศรษฐกิจขนาดใหญ่ของภูมิภาคอาเซียน และต้นทุนแรงงานที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว ต่างชาติที่ต้องการขยายธุรกิจจึงมองว่าไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ และการใช้ “นอมินี” ทำให้เข้ามาได้ง่ายโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนกฎหมายที่ซับซ้อน

วิเคราะห์ 7 ธุรกิจเสี่ยง

1. ธุรกิจท่องเที่ยว

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากที่สุดในโลก ธุรกิจทัวร์ ไกด์นำเที่ยว และการจัดการทริป จึงถูกจับตาว่ามีต่างชาติใช้คนไทยถือหุ้นแทนเพื่อควบคุมกิจการจริง ซึ่งกระทบผู้ประกอบการไทยโดยตรง

2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ต่างชาติหลายรายสนใจลงทุนในที่ดินและโครงการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมและรีสอร์ตริมทะเล แต่กฎหมายไทยจำกัดสิทธิการถือครอง การใช้ “นอมินี” จึงเป็นช่องทางที่นิยมใช้มาอย่างยาวนาน

3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์

ยุคดิจิทัลทำให้ธุรกิจการค้าออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด หลายบริษัทต่างชาติต้องการขยายตลาดในไทย แต่ติดข้อจำกัดทางกฎหมายด้านการลงทุน จึงมีการตั้งบริษัทในชื่อคนไทยเพื่อดำเนินกิจการแทน

4. ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวเป็นเป้าหมายหลักของการลงทุน การใช้ “นอมินี” ช่วยให้ต่างชาติสามารถควบคุมโรงแรมและรีสอร์ตในพื้นที่สำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ ได้โดยไม่ผิดกฎหมายโดยตรง

5. ธุรกิจก่อสร้าง

งานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากมีมูลค่ามหาศาล แต่กฎหมายกำหนดให้ต้องเป็นคนไทยเป็นผู้ดำเนินการหลัก จึงพบปัญหาการใช้ชื่อคนไทยถือหุ้นแทนบ่อยครั้ง

6. ธุรกิจขายที่ดินเพื่อเกษตร

พื้นที่เกษตรกรรมไทยยังเป็นที่หมายตาของต่างชาติ โดยเฉพาะเพื่อผลิตวัตถุดิบป้อนโรงงานในภูมิภาค การเข้าถือครองผ่านนอมินีจึงเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่รัฐบาลต้องจับตา

7. ธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ

ยังมีธุรกิจอีกหลายประเภทที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น การค้าปลีกขนาดใหญ่และบริการด้านสุขภาพ ซึ่งบางกรณีพบพฤติกรรมต่างชาติพยายามใช้วิธีถือหุ้นแทน

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

หากปล่อยให้ “นอมินี” ขยายตัว จะทำให้เศรษฐกิจไทยสูญเสียความมั่นคงในระยะยาว ผู้ประกอบการไทยเสียโอกาสทางธุรกิจเพราะถูกทุนต่างชาติเข้ามากดราคา การแข่งขันไม่เป็นธรรม และผลกำไรจำนวนมากจะถูกโอนกลับไปต่างประเทศแทนที่จะหมุนเวียนในประเทศ

นอกจากนี้ ยังอาจกระทบต่อการจ้างงาน เมื่อธุรกิจสำคัญถูกควบคุมโดยต่างชาติ คนไทยอาจเหลือเพียงบทบาทแรงงาน ไม่ใช่ผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ

แนวทางของศุภจี

รมว.พาณิชย์ย้ำว่า รัฐบาลกำลังเร่งทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านกฎหมาย ความมั่นคง และเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินคดีกับผู้มีพฤติกรรมเข้าข่าย พร้อมพัฒนากระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น เป้าหมายคือการรักษาผลประโยชน์ของชาติ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการไทย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง