7 ธุรกิจที่ต้องจับตา! ทำไมต่างชาติชอบใช้ ‘นอมินี’ เจาะตลาดไทย

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ว่า ปัญหาการใช้ “นอมินี” หรือการถือหุ้นแทนต่างชาติ เป็นหนึ่งในโจทย์ใหญ่ที่ต้องจัดการอย่างจริงจังภายในช่วงเวลาการทำงาน 4 เดือนของรัฐบาล เนื่องจากปัญหานี้ไม่ได้เพียงทำให้รัฐสูญเสียรายได้ แต่ยังเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาครอบงำธุรกิจที่ควรเป็นของคนไทย
ศุภจีระบุว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้จับตา 7 ธุรกิจหลัก ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่
1. ธุรกิจการท่องเที่ยว
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์
4. ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต
5. ธุรกิจก่อสร้าง
6. ธุรกิจขายที่ดินเพื่อเกษตร
7. ธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
โดยปัจจุบันมีผู้ถูกตรวจสอบเข้าข่ายมากถึง 475 ราย ที่ต้องเร่งดำเนินการ
ทำไมต่างชาติถึงเลือกใช้ “นอมินี”
สาเหตุหลักมาจาก กฎหมายการลงทุนของไทย ที่กำหนดให้คนต่างชาติถือหุ้นได้ไม่เกิน 49% ในหลายธุรกิจที่มีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ต่างชาติที่ต้องการครอบครองกิจการโดยตรงจึงใช้วิธีหาคนไทยมายืนชื่อแทนเพื่อเลี่ยงข้อจำกัด
อีกปัจจัยสำคัญคือ เสน่ห์ของตลาดไทย ที่มีทั้งศักยภาพทางการท่องเที่ยว เศรษฐกิจขนาดใหญ่ของภูมิภาคอาเซียน และต้นทุนแรงงานที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว ต่างชาติที่ต้องการขยายธุรกิจจึงมองว่าไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ และการใช้ “นอมินี” ทำให้เข้ามาได้ง่ายโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนกฎหมายที่ซับซ้อน
วิเคราะห์ 7 ธุรกิจเสี่ยง
1. ธุรกิจท่องเที่ยว
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากที่สุดในโลก ธุรกิจทัวร์ ไกด์นำเที่ยว และการจัดการทริป จึงถูกจับตาว่ามีต่างชาติใช้คนไทยถือหุ้นแทนเพื่อควบคุมกิจการจริง ซึ่งกระทบผู้ประกอบการไทยโดยตรง
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ต่างชาติหลายรายสนใจลงทุนในที่ดินและโครงการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมและรีสอร์ตริมทะเล แต่กฎหมายไทยจำกัดสิทธิการถือครอง การใช้ “นอมินี” จึงเป็นช่องทางที่นิยมใช้มาอย่างยาวนาน
3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโลจิสติกส์
ยุคดิจิทัลทำให้ธุรกิจการค้าออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด หลายบริษัทต่างชาติต้องการขยายตลาดในไทย แต่ติดข้อจำกัดทางกฎหมายด้านการลงทุน จึงมีการตั้งบริษัทในชื่อคนไทยเพื่อดำเนินกิจการแทน
4. ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวเป็นเป้าหมายหลักของการลงทุน การใช้ “นอมินี” ช่วยให้ต่างชาติสามารถควบคุมโรงแรมและรีสอร์ตในพื้นที่สำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย และเชียงใหม่ ได้โดยไม่ผิดกฎหมายโดยตรง
5. ธุรกิจก่อสร้าง
งานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากมีมูลค่ามหาศาล แต่กฎหมายกำหนดให้ต้องเป็นคนไทยเป็นผู้ดำเนินการหลัก จึงพบปัญหาการใช้ชื่อคนไทยถือหุ้นแทนบ่อยครั้ง
6. ธุรกิจขายที่ดินเพื่อเกษตร
พื้นที่เกษตรกรรมไทยยังเป็นที่หมายตาของต่างชาติ โดยเฉพาะเพื่อผลิตวัตถุดิบป้อนโรงงานในภูมิภาค การเข้าถือครองผ่านนอมินีจึงเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่รัฐบาลต้องจับตา
7. ธุรกิจอื่น ๆ ที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ
ยังมีธุรกิจอีกหลายประเภทที่ต้องเฝ้าระวัง เช่น การค้าปลีกขนาดใหญ่และบริการด้านสุขภาพ ซึ่งบางกรณีพบพฤติกรรมต่างชาติพยายามใช้วิธีถือหุ้นแทน
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
หากปล่อยให้ “นอมินี” ขยายตัว จะทำให้เศรษฐกิจไทยสูญเสียความมั่นคงในระยะยาว ผู้ประกอบการไทยเสียโอกาสทางธุรกิจเพราะถูกทุนต่างชาติเข้ามากดราคา การแข่งขันไม่เป็นธรรม และผลกำไรจำนวนมากจะถูกโอนกลับไปต่างประเทศแทนที่จะหมุนเวียนในประเทศ
นอกจากนี้ ยังอาจกระทบต่อการจ้างงาน เมื่อธุรกิจสำคัญถูกควบคุมโดยต่างชาติ คนไทยอาจเหลือเพียงบทบาทแรงงาน ไม่ใช่ผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการ
แนวทางของศุภจี
รมว.พาณิชย์ย้ำว่า รัฐบาลกำลังเร่งทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านกฎหมาย ความมั่นคง และเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินคดีกับผู้มีพฤติกรรมเข้าข่าย พร้อมพัฒนากระบวนการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น เป้าหมายคือการรักษาผลประโยชน์ของชาติ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการไทย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
