เกือบ 50 ประเทศแบนชาติแถบแอฟริกาใต้ หวังสกัดโควิดสายพันธุ์ใหม่ Omicron
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น เป็นชาติล่าสุดที่ประกาศคุมเข้มพรมแดน สั่งห้ามชาวต่างชาติรายใหม่จากทุกประเทศ เดินทางเข้าสู่ญี่ปุ่น เนื่องจากหวั่นเกรงการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ Omicron โดยเริ่มตั้งแต่ 30 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน หากใครที่เดินทางมาจาก 9 ประเทศในแถบแอฟริกาใต้แล้ว จะต้องเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลจัดไว้ให้นาน 10 วัน โดยประกอบด้วยแอฟริกาใต้ นามิเบีย เลโซโท เอสวาตีนี ซิมบับเว บอตสวานา แซมเบีย มาลาวี และโมซัมบิก
ไม่เพียงเท่านี้ อีก 14 ประเทศ ที่พบไวรัสตัวนี้ในประเทศแล้ว ก็จะมีการประกาศมาตรการคุมเข้มเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
---ญี่ปุ่นกำลังลุ้นผู้ติดเชื้อ Omicron คนแรก---
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นพบ 1 ใน 32 คนที่เดินทางมาจากประเทศแถบแอฟริกาใต้ มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก และกำลังเร่งตรวจสอบว่าเป็นสายพันธุ์ Omicron หรือไม่
ก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นก็ปิดพรมแดนอย่างเข้มงวดจากนักเดินทางต่างชาตินับตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด ซึ่งแม้กระทั่งชาวต่างชาติที่ทำงานในญี่ปุ่นเองยังไม่สามารถเดินทางเข้าไปอย่างเสรี
แต่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเพิ่งประกาศว่ากำลังจะเปิดรับนักเดินทางต่างชาติที่เข้ามาติดต่อธุรกิจ, นักเรียน-นักศึกษาต่างชาติ และคนที่ถือวีซ่าให้สามาถเข้าญี่ปุ่นได้ แต่ยังคงไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวทั่วไป
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นแม้จะเริ่มต้นการฉีดวัคซีนล่าช้า แต่จากการเร่งฉีดวัคซีน ทำให้ตอนนี้ฉีดให้ประชากรครบ 2 เข็มแล้ว 76.5%
---กว่า 44 ประเทศแบนแถบแอฟริกาใต้---
นอกจากญี่ปุ่นที่เป็นชาติล่าสุดแล้ว รายงานในเวลานี้ พบว่ามีอย่างน้อย 44 ประเทศ ที่ประกาศปิดกั้นการเดินทางจากประเทศแถบแอฟริกาใต้ รวมถึง ประเทศในสหภาพยุโรป, ออสเตรเลีย, สหรัฐฯ, และ แคนาดา ที่เป็นกลุ่มชาติล่าสุดที่ประกาศห้ามการเดินทาง
ตอนนี้ มีการตรวจพบไวรัส Omicron ในกว่า 10 ประเทศแล้วหลังจากที่เพิ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็น "สายพันธุ์ที่น่ากังวล" ไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (26 พฤศจิกายน)
เมื่อสุดสัปดาห์ เที่ยวบินโดยสารหนึ่งพบคนติดเชื้อโควิด-19 ถึง 61 คน โดยมีนักเดินทางจากแอฟริกาใต้อย่างน้อย 13 คน ตรวจพบติดไวรัส Omicron ที่สนามบินอัมสเตอร์ดัม ของเนเธอร์แลนด์ ทำให้ต้องสั่งกักตัวผู้โดยสารของ 2 เที่ยวบินรวม 600 คน แต่มีรายงานว่า เมื่อวันอาทิตย์ (28 พฤศจิกายน) ตำรวจดัตช์ ได้จับกุม 2 สามีภรรยา หลังพยายามหนีออกจากโรงแรมกักตัว เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับจากแอฟริกาใต้
พบ 2 รายที่สหราชอาณาจักร จากการเดินทางจากตอนใต้ของแอฟริกา, สาธารณรัฐเช็ก พบอย่างน้อย 1 ราย จากนามิเบีย
เยอรมนีพบ 2 ราย จากผู้โดยสารที่เดินทางจากเคปทาวน์ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน
ออสเตรเลียพบ 2 ราย จากแถบแอฟริกาใต้ ไปยังซิดนีย์
อิตาลี พบ 1 ราย จากนักเดินทางจากโมซัมบิก
อิสราเอล พบ 1 ราย หลังเดินทางกลับจากมาลาวี ทำให้อิสราเอลเป็นอีก 1 ประเทศที่ประกาศปิดพรมแดน ไม่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติแม้แต่คนเดียว นานอย่างน้อย 14 วัน
---แอฟริกาใต้ประณามการแบน---
ประธานาธิบดี ซีริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ประณามมาตรการแบนการเดินทางที่ทั่วโลกบังคับใช้กับแอฟริกาใต้และประเทศเพื่อนบ้าน ระบุว่า ผิดหวังอย่างยิ่งกับความเคลื่อนไหวที่ไม่ชอบธรรม พร้อมกับเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวอย่างเร่งด่วน
พร้อมกับระบุว่า คำสั่งแบนการเดินทาง นอกจากจะไม่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ Omicron แล้ว ยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม และทำลายศักยภาพในการฟื้นตัวจากโควิดของประเทศที่ได้รับผลกระทบด้วย
การตรวจพบโควิด Omicron เป็นสัญญาณเตือนทั่วโลก ถึงการเรียกร้องความเท่าเทียมด้านวัคซีน และเตือนว่า การกลายพันธุ์เพิ่มเติมของเชื้อโควิดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จนกว่าทุกคนจะได้ฉีดวัคซีน
สำหรับแอฟริกาใต้นั้น ไม่ได้ขาดแคลนวัคซีน ผู้นำได้เรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนมากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับโควิด
—————
แปล-เรียบเรียง: ภัทร จินตนะกุล
ภาพ: Reuters